วันที่ 1
ช่วงเช้า: ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) / เมืองเสียมเรียบ (Siem Reap) / โตนเลสาบ (Tonle Sap) ล่องเรือชมวิถีชีวิตของชาวกัมพูชา (วันที่1)
ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) (05:00 )
คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) เวลานัดหมายโดยประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าท์เตอร์ใด เวลาใด)
* 08.00 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา โดยสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG903 (บริการอาหารและน้ำดื่มบนเครื่อง)
เมืองเสียมเรียบ (Siem Reap)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเสียมเรียบ (Siem Reap) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือเมืองเสียมราฐ เมืองแห่งประวัติศาสตร์ เป็นจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ริมโตนเลสาบหรือทะเลสาบเขมร เมืองเสียมเรียบเป็นที่ตั้งของนครวัด และกลุ่มปราสาทหินหลายแห่ง อาทิ หมู่ปราสาทหินจากอาณาจักรขอม ได้แก่ ปราสาทนครวัด, กลุ่มปราสาทนครธม, (ตาพรหม และบายน, บันทายศรี, บากอง, โลเลย, พนมบาเค็ง, พนมกุเลน และบารายตะวันตก) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชาโดยปรากฏในธงชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ
โตนเลสาบ (Tonle Sap) ล่องเรือชมวิถีชีวิตของชาวกัมพูชา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โตนเลสาบ (Tonle Sap) ทะเลสาบน้ำจืดซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย แม่น้ำธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้อุดมไปด้วยพันธุ์ปลามากกว่า 300 ชนิด บนพื้นที่ประมาณ 7,500 ตารางกิโลเมตร และมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร โตนเลสาบจึงเป็นลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญที่สุดของประเทศกัมพูชา ที่หล่อเลี้ยงชาวกัมพูชาให้อาศัยอยู่โดยรอบทะเลสาบแห่งนี้ พาท่านล่องเรือชมวิถีชีวิตของชาวกัมพูชาที่โตนเลสาบ มีชุมชนที่เรียกว่าหมู่บ้านลอยน้ำ เรือนแพของชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งดำรงค์ชีวิตอยู่กับการหาปลาจากโตนเลสาบมาขาย มีโรงเรียน สำนักงานราชการ บ้านพัก ร้านอาหาร และร้านของฝากนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันกับชุมชนที่อยู่บนบก การนั่งเรือท่องเที่ยวชมบรรยากาศของโตนเลสาบ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น และบรรยากาศยามเช้า หรือช่วงเย็นชมบรรยากาศก่อนตะวันลับฟ้า
ช่วงบ่าย: บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร / ศาลองค์เจกองค์จอม (Preah Ang Chek Preah Ang Chorm Shrine) / วัดใหม่ หรือ พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ อนุสรณ์สถานทุ่งสังหาร (Khmer Rouge Killing Fields) / ตลาดซาจ๊ะ (Psar chaa) (วันที่1)
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร สุดแสนอร่อย
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ศาลองค์เจกองค์จอม (Preah Ang Chek Preah Ang Chorm Shrine)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศาลองค์เจกองค์จอม (Preah Ang Chek Preah Ang Chorm Shrine) ซึ่งเปรียบเสมือนศาลหลักเมือง ของเมืองเสียมราฐ ตามตำนานกล่าวว่า องค์เจก องค์จอม เป็นพี่น้องกัน และมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอยากมาก อยู่มาวันหนึ่งทั้งสองกลับมาจากการทำบุญแล้วก็นอนหลับไปไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ฝ่ายบิดามารดามีความอาลัยทั้งสองเป็นอย่างมากจึงได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นสององค์ ซึ่งองค์ใหญ่นามว่าองค์เจก และองค์เล็กนามว่าองค์จอม กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองและประชาชนให้ความนับถือเป็นอย่างมากจนถึงทุกวันนี้
วัดใหม่ หรือ พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ อนุสรณ์สถานทุ่งสังหาร (Khmer Rouge Killing Fields)
วัดใหม่ หรือ พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ อนุสรณ์สถานทุ่งสังหาร (Khmer Rouge Killing Fields) วัดแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่สำหรับทิ้งศพจากผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามเขมรแดง ต่อมาได้มีการสร้างวัดขึ้นคร่อมทับพื้นดินเดิม และนำเอาโครงกระดูกหัวกระโหลกศรีษะของผู้ที่เสียชีวิตมารวบรวมและจัดแสดงในตู้กระจกภายในบริเวณของวัดแห่งนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงความโหดร้ายของสงครามเขมรแดงในอดีต
ตลาดซาจ๊ะ (Psar chaa)
จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งที่ ตลาดซาจ๊ะ (Psar chaa) ให้ท่านเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก อาทิ ผ้าพื้นเมือง, เสื้อยืดลายนครวัด และลายต่างๆ ผ้าพันคอ ภาพวาด ภาพแกะสลัก ปลากรอบ ปลาแห้ง และกุนเชียง
ช่วงค่ำ: บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / ชมโชว์ระบำอัปสรา (Apsara Dance Show) / CITY ANGKOR HOTEL (วันที่1)
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วย เมนูอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ชมโชว์ระบำอัปสรา (Apsara Dance Show)
นำทุกท่านชมโชว์สุดพิเศษ!! ระบำอัปสรา (Apsara Dance Show) เป็นการแสดงนาฏศิลป์เขมรแบบโบราณที่งดงามและอ่อนช้อย
CITY ANGKOR HOTEL
CITY ANGKOR HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองเสียมเรียบ
วันที่ 2
ช่วงเช้า: รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม / ปราสาทบันทายสรี (Banteay Srei) / นครธม (Angkor Thom) / ปราสาทบายน (Bayon) (วันที่2)
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
พาทุกท่านรับประทานอาหารเช้าเพิ่มพลังงานสุดแสนอร่อย ณ ห้องอาหารของโรงแรม
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ปราสาทบันทายสรี (Banteay Srei)
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ ปราสาทบันทายสรี (Banteay Srei) ปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชาที่มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์และลวดลายที่ยังคงความคมชัด ปราสาทบันทายศรี หรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่าบันเตียไสร หมายถึงปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี ปราสาทแห่งนี้สร้างอุทิศถวายพระอิศวรภายใต้พระนามว่าตรีภูวนมเหศวร หรือผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทั้งสาม ปราสาทมีขนาดเล็ก สร้างด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งหายาก สร้างขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 16 รัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 จวบจนรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 โดยพราหมณ์ยัชญวราหะ ซุ้มประตูทางเข้าจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณลวดลายมีความละเอียดสวยงามมาก ซุ้มทางซ้ายมือจำหลักภาพพระอิศวรทรงโค มีพระอุมาเทวีประทับด้านซ้าย ซุ้มทางขวามือ มีรูปพระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์ ผ่านประตูเข้าไปจะเห็นปราสาทองค์แรก สร้างอยู่เหนือฐานเดียวกันซึ่งสูง 90 เซนติเมตร ขนาบด้วยบรรณาลัย ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาตำราหรือวัตถุที่ใช้ในพิธีเคารพบูชา มีประตูเข้าทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซุ้มประตูหรือโคปุระนี้ ประดิษฐานปฏิมากรรมด้วยลวดลายที่งามวิจิตรอ่อนช้อย ลวดลายประดับที่ปราสาทบันทายศรี สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดาหรือนางอัปสรา ก็เต็มไปด้วยความสง่างามและมีชีวิตจิตใจ ในกรอบซุ้มปราสาทองค์แรก มีรูปพระศิวะกำลังร่ายรำ หรือที่เรียกว่า ศิวนาฏราช ท่ารำของพระองค์มีถึง 108 ท่า แต่ละท่ามีผลต่อฟ้าดิน หน้าบันของห้องสมุดทางด้านทิศใต้ สลักภาพพระอิศวรกำลังประทับนั่งอยู่เหนือเขาไกรลาศ ที่หน้าบันห้องสมุดทางด้านทิศเหนือ แสดงภาพพระอินทร์กำลังบันดาลให้ฝนตกลงมา บนอาคารเดียวกันนี้ เหนือหน้าบันทางทิศตะวันตกแสดงภาพพระกฤษณะกำลังประหารพระยากงศ์ในพระราชวัง ภาพสลัก ณ ปราสาทบันทายศรี นอกจากความงดงามในฝีมือการสลักแล้ว ยังมีคุณค่าเกี่ยวกับมนุษย์อย่างลึกซึ้ง อันเห็นได้จากความรู้สึกที่แสดงออกมาจากภาพเหล่านั้น ซึ่งเป็นพยานหลักฐานชิ้นแรก ที่ทำให้เราทราบเกี่ยวกับชีวิตของชาวขอมในต้นพุทธศตวรรษที่ 16
นครธม (Angkor Thom)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นครธม (Angkor Thom) เมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขอม สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่าปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือ จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ คือสะพานนาคราช เป็นสะพานที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์เขมร ใช้เป็นทางเสด็จผ่านเข้า-ออกเมืองนครธม แถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน ไปจนถึงยอดซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศ
ปราสาทบายน (Bayon)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทบายน (Bayon) ปราสาทแห่งรอยยิ้ม เป็นปราสาทหินของอาณาจักรขอม ตั้งอยู่ในบริเวณของใจกลางนครธม สร้างขึ้นเป็นวัดประจำสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในราวปี พ.ศ. 1181-1220 หลังจากที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงได้ชัยชนะจากการขับไล่กองทัพอาณาจักรจามปา นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความซับซ้อนทั้งในแง่โครงสร้างและความหมาย เนื่องจากผ่านความเปลี่ยนแปลงด้านศาสนาและความเชื่อมาตั้งแต่คราวนับถือเทพเจ้าฮินดู และพุทธศาสนา อาคารมีลักษณะพิเศษ เนื่องจากส่วนของหอเป็นรูปหน้าหันสี่ทิศ จำนวน 49 หอ ปัจจุบันคงเหลือเพียง 37 หอ ลักษณะโดยทั่วไปจะมี 4 หน้า 4 ทิศ แต่บางหออาจมี 3 หรือ 2 แต่บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มอาคาร จะมีหลายหน้า ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะพยายามนับว่ามีกี่หน้า นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ลักษณทางสถาปัตยกรรมของบายนก็เช่นเดียวกับเรื่องความเชื่อ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงมาในหลายๆ สมัย กษัตริย์ในยุคหลังๆ พบว่าเป็นการง่ายกว่าที่จะปรับปรุงวัดแห่งนี้ แทนที่จะรื้อสร้างใหม่เช่นที่ทำกัน และใช้เป็นวัดประจำสมัยต่อเนื่องกันมา
ช่วงบ่าย: บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร / ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) / ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) / ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ (วันที่2)
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร สุดแสนอร่อย
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1186 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดา เป็นปราสาทหินในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร ปราสาทเหล่านี้ถือว่าเป็นสถานที่ของพระพุทธศาสนาที่สมัยนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะสมัยนั้นกษัตริย์ที่สนับสนุนให้มีการสร้างปราสาทนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ การดูแลปราสาทต่างๆ นั้นรัฐบาลได้ทำการตัดต้นไม้ออกจากปราสาทอื่นๆ เพราะกลัวว่าประสาทจะล้มลงหากต้นไม้ใหญ่โตมากๆ แต่สำหรับปราสาทตาพรมนั้น รัฐบาลมีแนวคิดที่จะคงต้นไม้ไว้เหมือนโบราณที่มีต้นไม้ขึ้นบนปราสาทแทบทุกปราสาทจึงกลายเป็น ลักษณะเด่นของปราสาทตาพรหมคือมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นคลุมตัวปราสาทเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นปราสาทที่สวยงามและมีมนต์ขลังมาก
ปราสาทนครวัด (Angkor Wat)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) อลังการปราสาทขอม เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุด เริ่มสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดูซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมขอมสมัยรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติกัมพูชาและเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อเมืองพระนคร นำทุกท่านชมภาพแกะสลักนูนต่ำ ของนางอัปสรนับหมื่นองค์กับการ กวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ และชมภาพการยกกองทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1
ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ
ได้เวลาอันสมควร จดจำ และอำลาช่วงเวลาแห่งความสุข นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
* 19.40 น. " ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG908
(บริการอาหาร และ น้ำดื่มบนเครื่อง)"
ช่วงค่ำ: ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) (วันที่2)
ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ