Loading...
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข

(ปิดการขาย)
รูดบัตร 0%

สรุปการท่องเที่ยว:

วันที่ 1: ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
วันที่ 2: ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู (Jeju International Airport) / อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) - ฤดูหนาว / ฮัลโหล คิตตี้ (Hello Kitty Island) / พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลอค (O՚Sulloc) / ทัคโดริทัง (Dakdoritang) / สวนส้มไร้เมล็ด (Jeju Orange Farm) / วัดซันบังซา (Sanbangsa Temple) / คาลบิ หรือ หมูย่างเกาหลี (Kalbi) / Sea & Hotel
วันที่ 3: รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ปั่นจักรยานบนรางรถไฟ (Rail Bike) / ศูนย์น้ำมันสนเข็มแดง (Red Pine Center) / พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อควา แพลนเนท (Aqua Planet Jeju) / แทจีพลูแบ็ก (Dwaeji Bulbaek) / ภูเขาไฟซองซานอิลชุบง (Seongsan Ilchulbong Peak) / หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (Seongeup Folk Village) / พิพิธภัณฑ์แฮนยอ (Haenyeo Museum) / บุฟเฟ่ต์บาร์บีคิว และซีฟู้ดสไตล์เกาหลี (Korean BBQ & Seafood) / Sea & Hotel
วันที่ 4: รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / โขดหินยงดูอัม (Yongduam Rock) หรือโขดหินหัวมังกร (Dragon Head Rock) / ศูนย์สมุนไพรบำรุงตับ ฮอกเก็ตนามู (Raisin Tree Center) / ร้านละลายเงินวอน (Super Market) / ศูนย์ผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องสำอาง เวชสำอาง (Cosmetic Center) / ชาบู ชาบู (Korean Shabu Shabu) / ศูนย์โสมรัฐบาล (Korean Ginseng Center) / ดงฮวา ดิวตี้ ฟรี (Donghwa Duty Free) / ดาวทาวน์เมืองเชจู (Jeju Downtown) / ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู (Jeju International Airport) / ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
7 มื้อ 2 คืน 3 ร้านรัฐบาล

มีการเข้าชมทั้งหมด: 1 ครั้ง     ผู้ชมขณะนี้: 1 คน          

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 0.-
เด็กทารกอายุไม่เกิน 2 ปี ชำระเพียง 0.-
อายุ 2 ถึง ปี ชำระเพิ่ม 0.-

Air Asia (FD)  
ศ.  22-25 ก.พ.
15,888.- Air Asia เต็ม
ศ.  01-04 มี.ค.
15,888.- Air Asia เต็ม
ศ.  15-18 มี.ค.
14,888.- Air Asia เต็ม
(อัพเดตที่นั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65)

ตารางบิน
Air Asia (FD) เวลาบินขาไป 21:30 - 00:20 DMK - JAI FD130
เวลาบินขากลับ 00:50 - 06:15 - DMK FD131

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
โหลด PDF
วันที่ 1
ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
ช่วงค่ำ
(19:30) ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
ทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) ที่จุดนัดหมายก่อนเวลาเดินทาง (ตามตารางบิน) โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าเตอร์ใด เวลาใด)
ทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) ที่จุดนัดหมายก่อนเวลาเดินทาง (ตามตารางบิน) โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าเตอร์ใด เวลาใด)
* 21.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองชัยปุระ ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD130 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.20 ชั่วโมง) (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
(00:20) ท่าอากาศยานชัยปุระ
คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานชัยปุระ นำท่านผ่านพิธีการศุลการกรและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานชัยปุระ นำท่านผ่านพิธีการศุลการกรและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
CRIMSON PARK HOTEL
ระดับ 3 ดาว หรือ เทียบเท่า,เมืองชัยปูระ
ระดับ 3 ดาว หรือ เทียบเท่า,เมืองชัยปูระ
วันที่ 2
ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู (Jeju International Airport) / อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) - ฤดูหนาว / ฮัลโหล คิตตี้ (Hello Kitty Island) / พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลอค (O՚Sulloc) / ทัคโดริทัง (Dakdoritang) / สวนส้มไร้เมล็ด (Jeju Orange Farm) / วัดซันบังซา (Sanbangsa Temple) / คาลบิ หรือ หมูย่างเกาหลี (Kalbi) / Sea & Hotel
ช่วงเช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเพิ่มพลังด้วยอาหารเช้าแสนอร่อย ณ โรงแรมเพื่อ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้
นำท่านเพิ่มพลังด้วยอาหารเช้าแสนอร่อย ณ โรงแรมเพื่อ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
เมืองชัยปุระ (Jaipur)
นำท่านชม เมืองชัยปุระ นครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า จัยปูร์ หรือ จัยเปอร์ รัฐราชสถานได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink city) โดยที่มาของเมืองสีชมพูก็เนื่องจากในปี ค.ศ. 1876 มหาราช ซาราม ซิงห์ (Maharaja Ram Singh) ได้มีรับสั่งให้ประชาชนทาสีชมพูทับบนสีปูนเก่าของบ้านเรือนตนเอง เพื่อแสดงถึงไมตรีจิตครั้งต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายแห่งเวลส์ (Prince of Waies) เจ้าชายมกุฎราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งภายหลังคือ (อ่านต่อ)
นำท่านชม เมืองชัยปุระ นครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า จัยปูร์ หรือ จัยเปอร์ รัฐราชสถานได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink city) โดยที่มาของเมืองสีชมพูก็เนื่องจากในปี ค.ศ. 1876 มหาราช ซาราม ซิงห์ (Maharaja Ram Singh) ได้มีรับสั่งให้ประชาชนทาสีชมพูทับบนสีปูนเก่าของบ้านเรือนตนเอง เพื่อแสดงถึงไมตรีจิตครั้งต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายแห่งเวลส์ (Prince of Waies) เจ้าชายมกุฎราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งภายหลังคือกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 (King Edward Vll) แห่งสหราชอาณาจักรและต่อมารัฐบาลอินเดียก็ยังออกกฎหมายควบคุมให้สิ่งก่อสร้างภายในเขตกำแพงเมืองเก่าต้องทาสีชมพูเช่นเดิม ปัจจุบันเมืองชัยปุระเป็นศูนย์กลางทางการค้าซึ่งทันสมัยสุดของรัฐราชสถาน สิ่งที่น่าสนใจในเมืองชัยปูระคือ ผังเมืองเก่า และสิ่งก่อสร้างดั้งเดิม รวมทั้งประตูเมืองซึ่งยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้สีชมพูของเมืองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ฮาวา มาฮาล  (HAWA MAHAL) พระราชวังแห่งสายลม
นำท่านชมภายนอก ฮาวา มาฮาล  (HAWA MAHAL) แปลว่า พระราชวังแห่งสายลม เป็นพระราชวัง ตั้งอยู่ในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย สร้างในปีค.ศ. 1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้นและมีลักษณะคล้ายรังผึ้งสร้างจากหินทรายสีแ (อ่านต่อ)
นำท่านชมภายนอก ฮาวา มาฮาล  (HAWA MAHAL) แปลว่า พระราชวังแห่งสายลม เป็นพระราชวัง ตั้งอยู่ในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย สร้างในปีค.ศ. 1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้นและมีลักษณะคล้ายรังผึ้งสร้างจากหินทรายสีแดงสดฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบมีช่องหน้าต่างถึง 953 บานแต่ปิดไว้ด้วยหินทรายฉลุทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็นและประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมจนเป็นที่มาของชื่อ Palace Of Wind
ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) และพระราชวังแอมเบอร์
นำท่านชม ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) และพระราชวังแอมเบอร์ พระราชวังแห่งนี้เป็นปราสาทสูงใหญ่บนยอดเขาสูง ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของแนวป้อมปราการที่มีกำแพงเมืองทอดยาวเลื้อยคดเคี้ยวไปตามแนวเขา ว่ากันว่ากำแพงเมืองยาวกว่า 13 กิโลเมตร มองเผินๆ ก็นึกถึง กำแพงเมืองจีนได้เหมือนกัน พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1592 โดยมหาราชาแมนสิงห์ที่ 1 แห่งกองทัพพระเจ้าอัคบาร์ ราชวงศ์โมกุล เป็นป้อมปราการหินทรายแดงที่เป็นศิล (อ่านต่อ)
นำท่านชม ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) และพระราชวังแอมเบอร์ พระราชวังแห่งนี้เป็นปราสาทสูงใหญ่บนยอดเขาสูง ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของแนวป้อมปราการที่มีกำแพงเมืองทอดยาวเลื้อยคดเคี้ยวไปตามแนวเขา ว่ากันว่ากำแพงเมืองยาวกว่า 13 กิโลเมตร มองเผินๆ ก็นึกถึง กำแพงเมืองจีนได้เหมือนกัน พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1592 โดยมหาราชาแมนสิงห์ที่ 1 แห่งกองทัพพระเจ้าอัคบาร์ ราชวงศ์โมกุล เป็นป้อมปราการหินทรายแดงที่เป็นศิลปะสถาปัตยกรรมผสมผสานของทั้งโมกุล(อิสลาม) และ ฮินดูที่เข้ากันอย่างสวยงามลงตัว
ซิตี้ พาเลส (CITY PALACE)
นำท่านชม ซิตี้ พาเลส (CITY PALACE) ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังของมหาราชใจสิงห์ (Jai Singh) พระราชวัง ถูกสร้างขยายออกในสมัยหลัง ปัจจุบัน ได้รวบเป็นพิพิธภัณฑ์ Sawai Man Singh Museum ประกอบด้วย 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ ส่วนแรกคือส่วนของพระราชวังส่วนที่สองเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงฉลองพระองค์ของกษัตริย์ และมเหสี ซึ่งมีการตัดเย็บอย่างวิจิตร ส่วนที่สามเป็นส่วนของอาวุธ และชุดศึกสงคราม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าทึ่ (อ่านต่อ)
นำท่านชม ซิตี้ พาเลส (CITY PALACE) ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังของมหาราชใจสิงห์ (Jai Singh) พระราชวัง ถูกสร้างขยายออกในสมัยหลัง ปัจจุบัน ได้รวบเป็นพิพิธภัณฑ์ Sawai Man Singh Museum ประกอบด้วย 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ ส่วนแรกคือส่วนของพระราชวังส่วนที่สองเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงฉลองพระองค์ของกษัตริย์ และมเหสี ซึ่งมีการตัดเย็บอย่างวิจิตร ส่วนที่สามเป็นส่วนของอาวุธ และชุดศึกสงคราม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าทึ่งมากมายหลายหลาก บางชิ้น ก็เป็นอาวุธได้อย่างน่าพิศวง และส่วนที่สี่ คือส่วนของศิลปะภาพวาด รูปถ่าย และราชรถ พรมโบราณ ซึ่งได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตรงกลางอาคารมีหม้อน้ำขนาดมหึมา 2 ใบ ทำจากโลหะเงิน สูง 1.50 เมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อกันว่าเป็นหม้อน้ำที่กษัตริย์ Madho Singh ได้รับมาจากงานราชาภิเษกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งบรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์
ช่วงบ่าย
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรม
นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
วัดพระพิฆเนศ (Ganesh temple)
วัดพระพิฆเนศ Ganesh Temple (Moti Dungri) วัดพระพิฆเนศที่ชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ 1 ของเมืองชัยปุระ วัดนี้สร้างขึ้นโดย Seth Jai Ram Paliwal ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณเนินเขาเล็กๆ พระวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวิตแห่งการค้นหาความสุขนิรันดร์ ซึ่งพระพิฆเนศวรช้างหัวเทพในศาสนาฮินดูถือว่าเป็นพระเจ้าแห่งความเป็นมงคลปัญญา ความรู้ และความมั่งคั่ง วัดพระพิฆเนศแห่งนี้เป็นที่นิยมมากที่สุ (อ่านต่อ)
วัดพระพิฆเนศ Ganesh Temple (Moti Dungri) วัดพระพิฆเนศที่ชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ 1 ของเมืองชัยปุระ วัดนี้สร้างขึ้นโดย Seth Jai Ram Paliwal ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณเนินเขาเล็กๆ พระวิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวิตแห่งการค้นหาความสุขนิรันดร์ ซึ่งพระพิฆเนศวรช้างหัวเทพในศาสนาฮินดูถือว่าเป็นพระเจ้าแห่งความเป็นมงคลปัญญา ความรู้ และความมั่งคั่ง วัดพระพิฆเนศแห่งนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและชาวต่างชาติ เชิญท่านขอพรจากองค์พระพิฆเนศตามอัธยาศัย
เมืองอัครา (Agra)
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัครา เมืองที่เป็นสถานที่ตั้งอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ทัชมาฮาล และเคยเป็นศูนย์กลางปกครองของอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล อัคระ อดีตเมืองหลวงของอินเดียในสมัยที่ยังเรียกว่า ฮินดูสถาน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมนา ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ในรัฐอุตตรประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลัคเนาว์ เป็นเมืองหลวงของรัฐอุตตรประเทศ เมืองอัคระมีประชากรทั้งหมด 1,686,976 คน (ปีค.ศ. 2010) ถือเป็นหน (อ่านต่อ)
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัครา เมืองที่เป็นสถานที่ตั้งอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ทัชมาฮาล และเคยเป็นศูนย์กลางปกครองของอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล อัคระ อดีตเมืองหลวงของอินเดียในสมัยที่ยังเรียกว่า ฮินดูสถาน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมนา ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ในรัฐอุตตรประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลัคเนาว์ เป็นเมืองหลวงของรัฐอุตตรประเทศ เมืองอัคระมีประชากรทั้งหมด 1,686,976 คน (ปีค.ศ. 2010) ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในรัฐอุตตรประเทศ และอันดับที่ 19 ในประเทศอินเดีย
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรม
นำท่านรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
นำท่านรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
Hotel Pushp Villa
ระดับ 3 ดาว หรือ เทียบเท่า,เมืองอักรา
ระดับ 3 ดาว หรือ เทียบเท่า,เมืองอักรา
วันที่ 3
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ปั่นจักรยานบนรางรถไฟ (Rail Bike) / ศูนย์น้ำมันสนเข็มแดง (Red Pine Center) / พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อควา แพลนเนท (Aqua Planet Jeju) / แทจีพลูแบ็ก (Dwaeji Bulbaek) / ภูเขาไฟซองซานอิลชุบง (Seongsan Ilchulbong Peak) / หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (Seongeup Folk Village) / พิพิธภัณฑ์แฮนยอ (Haenyeo Museum) / บุฟเฟ่ต์บาร์บีคิว และซีฟู้ดสไตล์เกาหลี (Korean BBQ & Seafood) / Sea & Hotel
ช่วงเช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเพิ่มพลังด้วยอาหารเช้าแสนอร่อย ณ โรงแรมเพื่อ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้
นำท่านเพิ่มพลังด้วยอาหารเช้าแสนอร่อย ณ โรงแรมเพื่อ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ทัชมาฮาล (Taj Mahal)
นำท่านเข้าชมทัชมาฮาล แหล่งมรดกโลกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สำคัญของโลก ซึ่งอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮันที่มีต่อพระนางมุมตัซ โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 ต่อมานำท่านเดินสู่ประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิคที่เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป และนำท่านถ่ายรูปกับลานน้ำพุที่มีอาคารทัชมาฮาลอยู่เบื้องหลัง แล้วนำท่านเข้าสู่ตัวอาคารที่สร้างจากหินอ่อนส (อ่านต่อ)
นำท่านเข้าชมทัชมาฮาล แหล่งมรดกโลกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สำคัญของโลก ซึ่งอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และอมตะของพระเจ้าชาห์จาฮันที่มีต่อพระนางมุมตัซ โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 ต่อมานำท่านเดินสู่ประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิคที่เป็นถ้อยคำอุทิศและอาลัยต่อบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป และนำท่านถ่ายรูปกับลานน้ำพุที่มีอาคารทัชมาฮาลอยู่เบื้องหลัง แล้วนำท่านเข้าสู่ตัวอาคารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์จากเมืองมกรานะ ที่ประดับลวดลายด้วยเทคนิคฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหิน ที่เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากเปอร์เซีย โดยอาคารตรงกลางจะเป็นรูปโดมซึ่งมีหอคอยสี่เสาล้อมรอบ ตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และ พระเจ้าชาห์จาฮัน ได้อยู่คู่เคียงกันตลอดชั่วนิรันดร์ ทัชมาฮาลแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 12 ปี โดยสิ้นเงินไป 41 ล้านรูปี มีการใช้ทองคำประดับตกแต่งส่วนต่างๆ ของอาคาร หนัก 500 กิโลกรัม และใช้คนงานกว่า 20,000 คน ต่อมานำท่านเดินอ้อมไปด้านหลังที่ติดกับแม่น้ำยมุนาโดยฝั่งตรงกันข้ามจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถูกปรับดินแล้ว โดยเล่ากันว่าพระเจ้าชาห์จาฮันเตรียมที่จะสร้างสุสานของตัวเองเป็นหินอ่อนสีดำโดยตัวรูปอาคารจะเป็นแบบเดียวกันกับทัชมาฮาล เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างกัน แต่ถูกออรังเซบ ยึดอำนาจและนำตัวไปคุมขังไว้ในป้อมอักราเสียก่อน
อัครา ฟอร์ท (Agra Fort)
จากนั้นนำท่านเข้าชมอัครา ฟอร์ท (Agra Fort)แหล่งมรดกโลก ทิ่ติดริมแม่น้ำยมุนาสร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล เมื่อปี ค.ศ. 1565 เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ต่อมาพระโอรส คือ พระเจ้าชาฮันกีร์ และพระนัดดา (โอรสของพระเจ้าชาฮันกีร์) พระเจ้าชาห์จาฮานได้สร้างขยายต่อเติมป้อมและพระราชวังแห่งนี้อย่างใหญ่โต และนำท่านเข้าชมป้อมผ่านประตู อำมรรสิงห์ เข้าสู่ส่วนที่เป็นพระราชวัง ผ่านล (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเข้าชมอัครา ฟอร์ท (Agra Fort)แหล่งมรดกโลก ทิ่ติดริมแม่น้ำยมุนาสร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล เมื่อปี ค.ศ. 1565 เป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ต่อมาพระโอรส คือ พระเจ้าชาฮันกีร์ และพระนัดดา (โอรสของพระเจ้าชาฮันกีร์) พระเจ้าชาห์จาฮานได้สร้างขยายต่อเติมป้อมและพระราชวังแห่งนี้อย่างใหญ่โต และนำท่านเข้าชมป้อมผ่านประตู อำมรรสิงห์ เข้าสู่ส่วนที่เป็นพระราชวัง ผ่านลานสวนประดับ อ่างหินทรายสีแดงขนาดยักษ์สำหรับสรงน้ำ ท่านจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสามยุคสมัยตามรสนิยมที่แตกต่างกันของสามกษัตริย์ นำท่านเข้าชมด้านในพระตำหนักต่างๆที่สลักลวดลายศิลปะแบบโมกุลที่มีอิทธิพลจากศิลปะอินเดีย ผสมผสานกับศิลปะเปอร์เซีย แล้วนำขึ้นสู่ระเบียงชั้นที่สองที่มีเฉลียงมุข ซึ่งสามารถมองเห็นชมทิวทัศน์ลำน้ำยมุนาได้ ต่อมานำชมห้องที่ประทับของกษัตริย์ ,พระโอรส, พระธิดาและองค์ต่างๆ แล้วนำชมพระตำหนัก มาซัมมัน บูร์ช ที่มีเฉลียงมุขแปดเหลี่ยม มีหน้าต่างเปิดกว้าง ที่สามารถมองเห็นทัชมาฮาลได้ ในพระตำหนักนี้เองที่เล่ากันว่า ชาห์จาฮัน ถูกพระโอรส ออรังเซบ จองจำขังไว้ 7 ปี ในช่วงปลายรัชกาลจนสิ้นพระชนม์ แล้วก็นำชมลานสวนประดับ ดิวันอีอาอำ ที่ชั้นบนด้านหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานบัลลังก์นกยูงอันยิ่งใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิหร่าน) และที่ลานสวนประดับแห่งนี้เองที่พระเจ้าชาห์จาฮัน ได้พบรักครั้งแรกกับพระนางมุมตัซ ที่ได้นำสินค้าเป็นสร้อยไข่มุกเข้ามาขายให้กับนางในฮาเร็ม
ช่วงบ่าย
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรม
นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
บ่อน้ำจันเบารี
บ่อน้ำจันเบารี (Chand Baori) ซึ่งเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 หรือพันกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นแคว้นราชาสถานเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางสายสำคัญในการเดินทางไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งพอเดินทางผ่านกันบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดการค้าขายขึ้น พอรวยแล้วก็เริ่มมีการลงทุนในการสร้างปราสาทราชวังและป้อมปราการ แต่ด้วยความที่ภูมิประเทศของที่นี่เป็นทะเลทราย ที่มีความแห้งแล้งมาก น้ำฝนที่ตกเพียงปีละไม่กี่ (อ่านต่อ)
บ่อน้ำจันเบารี (Chand Baori) ซึ่งเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 หรือพันกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นแคว้นราชาสถานเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางสายสำคัญในการเดินทางไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งพอเดินทางผ่านกันบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดการค้าขายขึ้น พอรวยแล้วก็เริ่มมีการลงทุนในการสร้างปราสาทราชวังและป้อมปราการ แต่ด้วยความที่ภูมิประเทศของที่นี่เป็นทะเลทราย ที่มีความแห้งแล้งมาก น้ำฝนที่ตกเพียงปีละไม่กี่ครั้งก็จะซึมหายผ่านทรายไปอย่างรวดเร็วแบบที่คนไทยซึ่งเติบโตมากับสายน้ำอย่างเราๆ จินตนาการไม่ถูก มหาราชาของแคว้นราชาสถานเลยต้องพยายามหาวิธีสร้างบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด เพราะการเก็บน้ำไว้ใช้ก็ถือเป็นทั้งความมั่นคงของชาติ การผ่อนคลาย และสิ่งสำคัญสำหรับการประกอบพิธีทางศาสนาในหนึ่งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มหาราชายังต้องการให้คนลงไปตักน้ำจากบ่อมาใช้ได้อย่างสะดวกแม้ยามที่ระดับน้ำลดต่ำติดก้นบ่อด้วย บ่อน้ำแชนด์ เบารี ที่ถือกำเนิดขึ้นเลยมีดีไซน์สุดล้ำทุกส่วนทุกด้านของบ่อเป็นบันไดเชื่อมถึงกันทั้งหมด เพื่อให้คนเดินลงไปตักน้ำได้พร้อมกันหลายคน และตักได้จนถึงหยดสุดท้ายแม้ว่าบ่อจะลึกถึงประมาณตึก 10 ชั้น หรือ 33 เมตร ตัวบันไดที่สร้างขึ้นมานั้นแบ่งเป็น 13 ชั้น มีขั้นบันไดรวมแล้วกว่า 3,500 ขั้น นับเป็นบ่อน้ำที่ลึกและใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งขนาดและการออกแบบก่อสร้าง
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำแบบ Box Set
รับประทานอาหารค่ำ บริการท่านด้วย Box Set เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
รับประทานอาหารค่ำ บริการท่านด้วย Box Set เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ท่าอากาศยานชัยปุระ
ได้เวลาอันสมควร จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศอินเดียและเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ
ได้เวลาอันสมควร จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศอินเดียและเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ
* 00.50 น. นำท่านเดินทางกลับสู่สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสายการบิน แอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD131 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4.30 ชม.) (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
วันที่ 4
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / โขดหินยงดูอัม (Yongduam Rock) หรือโขดหินหัวมังกร (Dragon Head Rock) / ศูนย์สมุนไพรบำรุงตับ ฮอกเก็ตนามู (Raisin Tree Center) / ร้านละลายเงินวอน (Super Market) / ศูนย์ผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องสำอาง เวชสำอาง (Cosmetic Center) / ชาบู ชาบู (Korean Shabu Shabu) / ศูนย์โสมรัฐบาล (Korean Ginseng Center) / ดงฮวา ดิวตี้ ฟรี (Donghwa Duty Free) / ดาวทาวน์เมืองเชจู (Jeju Downtown) / ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู (Jeju International Airport) / ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
ช่วงเช้า
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ช่วงบ่าย
ช่วงค่ำ
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
** หากท่านที่ต้องออกตั๋วภายใน (เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจาก สายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ท หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า **

กรอก Email เพื่อรับข่าวสารโปรโมชั่นก่อนใคร !
Copyright © 2012 - 2024 Chill Square Travel Co.,Ltd. , All Rights Reserved. บริษัท ชิล สแควร์ ทราเวล จำกัด 8/17 ตรอกราชดำริห์ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/11698 Call Center: 094-545-3905 Email: [email protected]
กดโทร
ทักเฟสบุค
ไลน์หาเรา