Loading...
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข

(ปิดการขาย) MY131 ทัวร์พม่า เมืองมัณฑะเลย์ พุกาม มิงกุน ล่องเรือชมวิวแม่น้ำอิรวดี สักการะเจดีย์ชเวสิกอง 3 วัน 2 คืน โดยสายการบิน BANKOK AIRWAYS (PG)

พิเศษโชว์หุ่นเชิด เมนูพิเศษกุ้งเผาตัวโต
เข้าร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน แห่งเมืองมัณฑะเลย์ สักการะเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน แห่งเมืองพุกาม ชมทุ่งทะเลเจดีย์ พร้อมทั้งเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ณ จุดชมวิวเมืองพุกาม ล่องเรือชมวิวแม่น้ำอิรวดีสู่ เมืองมิงกุนชมโชว์ หุ่นกระบอกเชิด ศิลปะชั้นสูง ของพุกาม พร้อมทั้งลิ้มรสอาหารพื้นเมือง+กุ้งเผา

สรุปการท่องเที่ยว:

วันที่ 1: ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) / สนามบินมัณฑะเลย์ / กรุงมัณฑะเลย์ / เมืองพุกาม / จุดชมวิวทะเลเจดีย์ / พระเจดีย์ชเวสิกอง / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก / BAGAN AIRPORT HOTEL
วันที่ 2: รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / วัดมนุหา / วัดกุบยางกี / เจดีย์สัพพัญญู / วัดอนันดา / เครื่องเขิน / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร / วิหารธรรมยันจี / วัดติโลมินโล / กรุงมัณฑะเลย์ / ทะเลสาบต่าวตะหมั่น / สะพานไม้สักอูเบ็ง / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / Victoria Palace
วันที่ 3: ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / เมืองมิงกุน / เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน / ระฆังยักษ์มิงกุน / มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา) / วัดกุโสดอร์ / พระราชวังมัณฑะเลย์ / พระราชวังไม้สักชเวนานจอง / สนามบินมัณฑะเลย์ / ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
6 มื้อ 2 คืน

มีการเข้าชมทั้งหมด: 4,516 ครั้ง     ผู้ชมขณะนี้: 1 คน          
** หากท่านที่ต้องออกตั๋วภายใน (เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจาก
สายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ท หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า **

 ** ราคาเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบ ณ วันเดินทาง โปรดสอบถาม **

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 2,900.-

Bangkok Airways (PG)  
(อัพเดตที่นั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.พ.63)

ตารางบิน
Bangkok Airways (PG) เวลาบินขาไป 11:55 - 13:20 BKK - MDL PG709
เวลาบินขากลับ 20:05 - 22:30 MDL - BKK PG714

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
โหลด PDF
วันที่ 1
ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) / สนามบินมัณฑะเลย์ / กรุงมัณฑะเลย์ / เมืองพุกาม / จุดชมวิวทะเลเจดีย์ / พระเจดีย์ชเวสิกอง / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก / BAGAN AIRPORT HOTEL
ช่วงเช้า
(09:00) ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) เวลานัดหมายโดยประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าท์เตอร์ใด เวลาใด)
คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) เวลานัดหมายโดยประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าท์เตอร์ใด เวลาใด)
* 11.55 น. ออกเดินทางโดย สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ โดยเที่ยวบินที่ PG 709 (บริการอาหารบนเครื่อง)
ช่วงบ่าย
(13:20) สนามบินมัณฑะเลย์
เดินทางถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
เดินทางถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
กรุงมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมัณฑะเลย์ (Mandalay) ราชธานีสุดท้ายของพม่า พระราชวังมัณฑะเลย์สร้างโดยพระเจ้ามินดงเต็มไปด้วยเรื่องราวความน่าเศร้าสะเทือนใจ ปัจจุบันกรุงมัณฑะเลย์นอกจากจะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวแล้วยังเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากของพม่าอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมัณฑะเลย์ (Mandalay) ราชธานีสุดท้ายของพม่า พระราชวังมัณฑะเลย์สร้างโดยพระเจ้ามินดงเต็มไปด้วยเรื่องราวความน่าเศร้าสะเทือนใจ ปัจจุบันกรุงมัณฑะเลย์นอกจากจะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวแล้วยังเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากของพม่าอีกด้วย
เมืองพุกาม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพุกาม (Bagan) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพุกาม (Bagan) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่อาริยธรรมของประเทศ
จุดชมวิวทะเลเจดีย์
นำท่านสู่ จุดชมวิวทะเลเจดีย์ ที่สวยงาม และหมู่บ้านเก่าแก่ของเมืองพุกาม ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ
นำท่านสู่ จุดชมวิวทะเลเจดีย์ ที่สวยงาม และหมู่บ้านเก่าแก่ของเมืองพุกาม ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ
พระเจดีย์ชเวสิกอง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ชเวสิกอง มีหมายความว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมาย (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ชเวสิกอง มีหมายความว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมายังเมืองพุกาม และได้กวาดต้อนชาวบ้านรวมทั้งกษัตริย์มอญให้มาเป็นเชลยศึกที่พุกาม เจดีย์ชเวสิกองสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิทธา เมื่อปี ค.ศ. 1113 ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญมาจากลังกาบนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธาได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใดจะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่ารัดอก แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออกมีหลุมขนาดเล็กเรียกว่า หลุมสมดุลเจดีย์ ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ ชาวพม่าเล่าขานว่าที่หลุมนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว โดยช่างสมัยโบราณใช้ดูสมดุลไม่ให้เจดีย์เอียงขณะก่อสร้าง และบ้างก็ว่าเพราะเจดีย์มีความสูงมาก จึงต้องทำหลุมไว้ให้พระมหากษัตริย์เสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกุศล ได้ทอดพระเนตรยอดเจดีย์ได้ชัดเจน อีกทั้งอาการที่ต้องคุกเข่าดู ก็เป็นการแสดงความคารวะพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก
ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรส อาหารพื้นเมือง
ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรส อาหารพื้นเมือง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
BAGAN AIRPORT HOTEL
นำท่านเข้าพักที่ BAGAN AIRPORT HOTEL หรือระดับเดียวกัน
นำท่านเข้าพักที่ BAGAN AIRPORT HOTEL หรือระดับเดียวกัน
วันที่ 2
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / วัดมนุหา / วัดกุบยางกี / เจดีย์สัพพัญญู / วัดอนันดา / เครื่องเขิน / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร / วิหารธรรมยันจี / วัดติโลมินโล / กรุงมัณฑะเลย์ / ทะเลสาบต่าวตะหมั่น / สะพานไม้สักอูเบ็ง / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / Victoria Palace
ช่วงเช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
วัดมนุหา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนุหา (Manuha Temple) สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนุหากษัตริย์ของชาวมอญ เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่เข้าตีเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนุหาและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบาทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี ค.ศ. 1059 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนุหา สร้างวัดมนุหาขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนุหา (Manuha Temple) สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนุหากษัตริย์ของชาวมอญ เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่เข้าตีเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนุหาและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบาทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี ค.ศ. 1059 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนุหา สร้างวัดมนุหาขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล กษัตริย์มอญทรงระบายความรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจในพระราชหฤทัยของพระองค์ ในระหว่างที่ทรงถูกคุมขัง ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากจนคับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า พระอึดอัด มาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นทางด้านหลังยังมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่โตมากเช่นกัน ทว่ามีพระโอษฐ์ที่ยิ้ม จึงตีความว่าพระเจ้ามนุหาอาจจะมีพระประสงค์ที่จะสื่อความหมายว่า มีเพียงความตายเท่านั้นที่ทำให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์มีอิสรภาพ
วัดกุบยางกี
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธา สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า Fresco สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหาร หรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธา สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า Fresco สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหาร หรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย
เจดีย์สัพพัญญู
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) ในภาษาพม่า เรียกว่า ตะบินยู แปลว่า เจดีย์แห่งความรอบรู้ จัดเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงประมาณ 61 เมตร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู จัดเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในพม่า เนื่องจากพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์ใจบุญ รูปทรงคล้ายวัดอนันดาแต่แผนผัง (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) ในภาษาพม่า เรียกว่า ตะบินยู แปลว่า เจดีย์แห่งความรอบรู้ จัดเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงประมาณ 61 เมตร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู จัดเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในพม่า เนื่องจากพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์ใจบุญ รูปทรงคล้ายวัดอนันดาแต่แผนผังยาวกว่า ตัววิหารชั้นบนนั้นสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านในกลวง ซ้อนอยู่บนตัววิหารชั้นล่างที่มีขนาดใหญ่กว่า นับเป็นเอกลักษณ์ของวัดพม่าโดยเฉพาะ ต่างจากวัดมอญที่นิยมสร้างเป็นวิหารชั้นเดียว เจดีย์นี้มี 5 ชั้น ชั้นล่าง สำหรับชาวบ้านผู้มาทำบุญ, ชั้น 2 สำหรับพระภิกษุ, ชั้น 3 ประดิษฐานพระประธานของวัด, ชั้น 4 เก็บคัมภีร์พระไตรปิฎก และ ชั้น 5 เป็นองค์สถูปประดิษฐานพระบรมธาตุ ถ้าต้องการขึ้นไปชั้นบนต้องใช้บันไดด้านในขึ้นไปยังลานชั้นสามของเจดีย์ มองออกไปจะเห็นวัดอนันดา และทิวทัศน์โดยรวมของเมืองพุกามอันงดงามตระการตา
วัดอนันดา
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ล (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ลักษณะวัดในอินเดีย ถวายพระเจ้าจันสิทธา พระองค์พอพระทัยมาก และโปรดเกล้าให้สร้างวัดขึ้นตามลักษณะที่พระอรหันต์พรรณนา แล้วตั้งชื่อว่า วัดอนันดา ตามชื่อถ้ำที่อยู่ของพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้น วิหารแห่งนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใหญ่โต สูงสง่า มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน แต่ละช่องประดิษฐานอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 4 องค์ ได้แก่ 1) พระกกุสันธะ ในทิศเหนือ 2) พระโกนาคมน์ ในทิศตะวันออก 3) พระกัสสปะ ในทิศใต้ 4) พระสมณโคดม ในทิศตะวันตก โดยพระแต่ละองค์สูงกว่า 10 เมตร สีทองอลังการสวยงามมาก โดยเฉพาะองค์พระกัสสปะจะมีลักษณะพิเศษอีกอย่างคือ เวลายืนไกลๆ จะเห็นองค์พระยิ้ม แต่ว่าพอเดินเข้ามาใกล้ๆ จะกลายเป็นหน้าบึ้งแทน และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ทำให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์
เครื่องเขิน
จากนั้นนำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม
จากนั้นนำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
พาท่านอิ่มท้องด้วยอาหารมื้อกลางวันแสนอร่อย ณ ภัตตาคาร
พาท่านอิ่มท้องด้วยอาหารมื้อกลางวันแสนอร่อย ณ ภัตตาคาร
วิหารธรรมยันจี
ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาปด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจtติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาปด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจtติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
วัดติโลมินโล
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแผ่นดิน ขอให้เกิดนิมิตให้เห็นปรากฏ ขณะนั้นองค์เศวตฉัตรได้โน้มไปทางราชบุตรน้อยนามว่า เจ้าชัยสังข์ จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เจ้าพี่ทั้ง 4 องค์ก็ยินยอมด้วยดีและได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมา ทรงพระนามว่า พระเจ้านันตองมยา แต่ในพงศาวดารพม่ามักเรียกว่า พระเจ้าติโลมินโล ซึ่งมีความหมายว่า เอาฉัตรตั้งกษัตริย์ พระเจ้าติโลมินโลได้ทรงสร้างวัดขึ้นตรงที่ประกอบพิธีตั้งเศวตฉัตรเสี่ยงทาย อันเป็นที่ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทจึงเรียกชื่อวัดว่า วัดติโลมินโล อย่างไรก็ตามนักปราชญ์ชาวพม่าบางรายตีความว่า ติโลมินโล อาจเพี้ยนเสียงมาจาก ไตรโลกมงคล หรือ ผู้ได้รับพรอันเป็นมงคลจากสามโลก เป็นวัดที่สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ อาจหมายถึงอดีตพระพุทธเจ้า เป็นวิหาร 2 ชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ และลวดลายปูนปั้นอันประณีตสวยงาม วิหารแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิหารองค์สุดท้ายที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม
กรุงมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมัณฑะเลย์ (Mandalay) ราชธานีสุดท้ายของพม่า พระราชวังมัณฑะเลย์สร้างโดยพระเจ้ามินดงเต็มไปด้วยเรื่องราวความน่าเศร้าสะเทือนใจ ปัจจุบันกรุงมัณฑะเลย์นอกจากจะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวแล้วยังเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากของพม่าอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมัณฑะเลย์ (Mandalay) ราชธานีสุดท้ายของพม่า พระราชวังมัณฑะเลย์สร้างโดยพระเจ้ามินดงเต็มไปด้วยเรื่องราวความน่าเศร้าสะเทือนใจ ปัจจุบันกรุงมัณฑะเลย์นอกจากจะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวแล้วยังเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากของพม่าอีกด้วย
ทะเลสาบต่าวตะหมั่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบต่าวตะหมั่น (Taungtaman Lake) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1.5 กม. บนถนนที่ตัดไปเมืองหย่าวน์อู สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 ตามบัญชา พระเจ้านันต่าว-มยา บันทึก พงศาวดารฉบับหอแก้ว กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดแต่นางห้ามผู้หนึ่ง และได้รับเลือกเป็นรัชทายาท หลังทำการเสี่ยงทายตามโบราณราชประเพณี กษัตริย์พระองค์ใหม่กับพระอนุชาทั้งสี่ได้จัด (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบต่าวตะหมั่น (Taungtaman Lake) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1.5 กม. บนถนนที่ตัดไปเมืองหย่าวน์อู สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 ตามบัญชา พระเจ้านันต่าว-มยา บันทึก พงศาวดารฉบับหอแก้ว กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดแต่นางห้ามผู้หนึ่ง และได้รับเลือกเป็นรัชทายาท หลังทำการเสี่ยงทายตามโบราณราชประเพณี กษัตริย์พระองค์ใหม่กับพระอนุชาทั้งสี่ได้จัดตั้งสภาเสนาบดีขึ้นบริหารราชการแผ่นดิน เรียกว่าสภาลู้ตต่อ และใช้เป็นชื่อรัฐสภาพม่าสืบมาจนถึงทุกวันนี้
สะพานไม้สักอูเบ็ง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานไม้สักอูเบ็ง (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงมายังอมรปุระ พระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางที่ชื่อ อูเบ็ง ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างสะพาน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานอูเบ็ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน มุ่งตรงไปยั (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานไม้สักอูเบ็ง (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงมายังอมรปุระ พระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางที่ชื่อ อูเบ็ง ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างสะพาน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานอูเบ็ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน มุ่งตรงไปยังเจดีย์เจ๊าตอจีซึ่งอยู่อีกฟากของทะเลสาบ สามารถใช้บริการเรือพายเพื่อชมวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆ ทะเลสาบได้
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
Victoria Palace
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Victoria Palace (ระดับ 3 ดาว) หรือ เทียบเท่า
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Victoria Palace (ระดับ 3 ดาว) หรือ เทียบเท่า
วันที่ 3
ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / เมืองมิงกุน / เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน / ระฆังยักษ์มิงกุน / มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา) / วัดกุโสดอร์ / พระราชวังมัณฑะเลย์ / พระราชวังไม้สักชเวนานจอง / สนามบินมัณฑะเลย์ / ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
ช่วงเช้า
(04:00) ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี
นำท่านชมและร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี พระมหามัยมุนีนับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวของพม่า ที่ชาวพม่านับถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจหรือยังมีชีวิต จึงได้มีการทำพิธีล้างพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกเช้ามืด จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงการกราบสักการะบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่การล้างพระพักตร์ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานเปรียบประ (อ่านต่อ)
นำท่านชมและร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี พระมหามัยมุนีนับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวของพม่า ที่ชาวพม่านับถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจหรือยังมีชีวิต จึงได้มีการทำพิธีล้างพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกเช้ามืด จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงการกราบสักการะบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่การล้างพระพักตร์ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานเปรียบประหนึ่งว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต ทุกๆ เช้าตั้งแต่เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป จะมีการล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี โดยพระเจ้าอาวาสเป็นผู้ทำพิธีและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการคอยช่วยเหลือ มีการเปิดมโหรีขับกล่อมขณะนำน้ำมาล้างพระโอษฐ์ นำแปรงสีฟันมาแปรงพระทนต์ให้ หลังจากนั้นจะนำน้ำหอมทานาคามาเช็ดถูพระพักตร์ แล้วนำผ้าขาวหรือผ้าสะอาดมาเช็ดทานาคาออก (ผ้าสะอาดเป็นของญาติโยมที่เตรียมมาให้เช็ดและนำเก็บกลับไปไว้บูชา) หลังจากพิธีล้างพระพักตร์แล้ว จะนำภัตตาหารมาถวายให้พระมหามัยมุนีฉันท์ จึงเป็นอันเสร็จพิธี จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง เสร็จพิธีตอนเวลาตี 05.00 น.
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
เมืองมิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิงกุน (Mingun) เป็นเมืองเล็กๆ ตรงจุดศูนย์กลางของประเทศพม่า ที่ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีบนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิงกุน (Mingun) เป็นเมืองเล็กๆ ตรงจุดศูนย์กลางของประเทศพม่า ที่ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีบนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์
เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชินพิวมิน (Hsinbyume Paya) หรือเมียะเต็งดาน ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่างามมากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1816 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์สถิต (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชินพิวมิน (Hsinbyume Paya) หรือเมียะเต็งดาน ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่างามมากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1816 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลางยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางโลกและจักรวาลล้อมรอบด้วยขุนเขา และมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ โดยสร้างฐานเจดีย์ลดหลั่นกันไปเจ็ดชั้น ทำให้เหมือนมีระเบียงทางเดินเป็นเกลียวคลื่น
ระฆังยักษ์มิงกุน
จากนั้นนำท่านชม ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) อยู่ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุน พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่ออุทิศถวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่าพระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านชม ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) อยู่ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุน พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่ออุทิศถวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่าพระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งในพระราชวังเครมลิน, กรุงมอสโก เพียงใบเดียวเท่านั้น ทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวานได้จนถึงปัจจุบันนี้
มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน (Mingun Pa Hto Taw Gyi) ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน (Mingun Pa Hto Taw Gyi) ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงก็เสด็จสวรรคต มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐานเท่านั้น ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1838 พระเจดีย์พังถล่มลงมา แตกหักเสียหายจนไม่สามารถสร้างต่อได้ เกิดรอยร้าวแยกปริ เป็นแนวยาว คงเหลือไว้แต่เพียกองอิฐขนาดมหึมา โดยส่วนที่เหลือบริเวณฐานเจดีย์นี้ มีความสูงถึง 50 เมตร แต่ละด้านกว้าง 72 เมตร ปัจจุบันชาวพม่า เรียกเจดีย์องค์นี้ว่า ปาโตดอจี แปลว่า เจดีย์ใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จ
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา)
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วยเมนูอาหารพื้นเมือง และเมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำย่าง
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วยเมนูอาหารพื้นเมือง และเมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำย่าง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
วัดกุโสดอร์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบม (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม
พระราชวังมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายราชธานีมาจากอมรปุระ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังป็นหมู่อาคารไม้และตึก ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายราชธานีมาจากอมรปุระ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังป็นหมู่อาคารไม้และตึก ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม
พระราชวังไม้สักชเวนานจอง
เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงย (อ่านต่อ)
เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัดถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง
สนามบินมัณฑะเลย์
จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศพม่า และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศพม่า และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
* 20.05 น.ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG 714 (บริการอาหารบนเครื่อง)
ช่วงค่ำ
(22:30) ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport)
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
** หากท่านที่ต้องออกตั๋วภายใน (เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจาก สายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ท หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า **

อัตรานี้รวม

  • ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ – มัณฑะเลย์ – กรุงเทพฯ โดยสารการบิน บางกอกแอร์เวยส์
  • ค่าภาษีสนามบิน
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
  • ค่าที่พักระดับ 3 ดาว รวมทั้งสิ้น 2 คืน
  • ค่าระวางน้ำหนัก 20 กิโลกรัม
  • ค่ามัคคุเทศก์ของบริษัทดูแลตลอดการเดินทาง
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ระบุไว้ในรายการ
  • อัตราค่าเข้าชมสถานที่ที่ระบุไว้ในรายการ
  • ประกันภัยในการเดินทาง ในกรณีที่ เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ จะคุ้มครองเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 500,000  บาท (คุ้มครอง ผู้เอาประกันภัย อายุระหว่าง 6-75 ปี ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือ ระหว่าง 75-85 ปี คุ้มครอง 50 % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ / ส่วนในกรณี ผู้เอาประกันภัยอายุสูงกว่า 85 ปี ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคุ้มครอง) วงเงินคุ้มครองอาหารเป็นพิษ (โดยแพทย์จะต้องระบุในใบรับรองแพทย์ว่า **อาหารเป็นพิษเท่านั้น**)

อัตรานี้ไม่รวม

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ เช่น ค่าซักรีด โทรศัพท์  ค่ามินิบาร์ ฯลฯ
  • ค่าบริการและค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่ระบุไว้ในรายการ
  • ทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น/คนขับรถ/หัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย 1,500 บาท/ท่าน ชำระ ณ วันเดินทางที่สนามบินสุวรณภูมิ
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือ ค่าใช้จ่ายอื่น ที่ไม่ได้ระบุไว้ในโปรแกรม
  • ค่าทำวีซ่าในกรณีเร่งด่วน / ค่าทำหนังสือเดินทางไทย / ค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ  
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา

เงื่อนไขการจองทัวร์

กรุณาวางเงินมัดจำ ท่านละ 5,000 บาท หลังจากที่ได้ทำการจอง และที่นั่งจะถูกยืนยันเมื่อได้รับค่ามัดจำแล้วเท่านั้น

ชำระค่าทัวร์ทั้งหมด 30 วันก่อนการเดินทาง

กรณียกเลิก

กรณีทำการยกเลิกหลังจากทำการมัดจำทัวร์มาแล้ว ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนมัดจำทั้งหมด เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการชำระเงินค่าตั๋วเครื่องบินเต็มจำนวนให้กับทางสายการบินเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งได้มัดจำค่าห้องพักเป็นจำนวนเงิน 50 % ของราคาห้องพัก

ยกเลิกหลังจากจ่ายเงินเต็มจำนวน บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทั้งหมดในทุกกรณี

กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทจะทำเรื่อง ยื่นเอกสารไปยังสายการบิน , โรงแรม และในทุกๆการให้บริการ เพื่อให้พิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถแจ้งได้ว่าจะสามารถคืนเงินได้ทั้งหมด หรือ บางส่วน เพราะ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาและตัดสินใจ ของ สายการบิน , โรงแรม และในทุกๆการให้บริการอื่นๆ เป็นสำคัญ

หมายเหตุ

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้และจะไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่สูญหาย สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์ และเหตุสุดวิสัยบางประการ เช่น การนัดหยุดงาน ภัยธรรมชาติ การจลาจล ต่างๆ

เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆตามรายการ หรือ ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี

เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัทฯ หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆ

กำหนดการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือผลประโยชน์ ตลอดจนความปลอดภัยของคณะผู้เดินทางเป็นสำคัญ

ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่ท่านถูกปฏิเสธเข้าเมือง โดยด่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทยและพม่า




กรอก Email เพื่อรับข่าวสารโปรโมชั่นก่อนใคร !
Copyright © 2012 - 2024 Chill Square Travel Co.,Ltd. , All Rights Reserved. บริษัท ชิล สแควร์ ทราเวล จำกัด 8/17 ตรอกราชดำริห์ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/11698 Call Center: 094-545-3905 Email: [email protected]
กดโทร
ทักเฟสบุค
ไลน์หาเรา