Loading...

เที่ยวไปกับ ชิล สแควร์ ทราเวล
 เพื่อนเที่ยวเพื่อนคุณ 

Call Center : 094-545-3095

16 เรื่องน่ารู้ก่อนไปประเทศฮ่องกง

11 เม.ย. 2557

มาเรียนรู้กับสิ่งที่ควรปฏิบัติและระวังระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศฮ่องกง

1. การเดินทางของที่นี่มีหลากหลายบริการให้เลือกไม่ว่าจะเป็น รถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน รถราง แท็กซี่ หรือเรือข้ามฟาก เพราะฉะนั้นคุณต้องศึกษาสถานที่ และเส้นทางการเดินรถให้ดีก่อนตัดสินใจว่า จะเลือกใช้บริการระบบขนส่งชนิดใด 
เรื่องราวน่ารู้ของการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะของที่นี่มากมายอย่างรถเมล์ของที่นี่จะไม่มีการทอนเงิน ควรเตรียมค่ารถให้พอดี และอย่าตกใตถ้าเห็นคนยืนต่อกันหลายแถวบริเวณป้านรถเมล์ เพราะรถเมล์ที่นี่เขาจะจอดตรงป้ายที่ระบุไว้เท่านั้น โดยจะแยกป้านรถเมล์ออกเป็นแต่ละเบอร์ คุณต้องรอคิวที่ป้านหมายเลขรถของคุณ และมีหลายสายที่ไม่ได้ทำการเดินรถตลอดคืน เพราะฉะนั้นสอบถามให้ละเอียดเสียก่อน จะได้ไม่ต้องยืนรอเก้อ 
 
2. รถไฟใต้ดินของที่นี่ปิดบริการตอนเที่ยงคืน ดังนั้นยามค่ำคืนแท็กซี่จึงดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแต่อย่าตกใจถ้าคนขับแท็กซี่คิดค่าบริการสูงกว่าราคาบนมิเตอร์ เพราะเขาจะต้องทำการชาร์ตเงินเพิ่ม กรณีที่คุณเดินทางข้ามระหว่างฝั่งเกาลูนและเกาะฮ่องกง เพราะที่นี่รถทุกคันต้องจ่ายค่าบริการใช้อุโมงค์ข้ามฟากและอีกอย่างที่ควรรู้ไว้ คือ เขามีการจำกัดจำนวนคนนั่งบนรถแท็กซี่ด้วย โดยจะมีป้ายบอกไว้บนตัวรถ โดยปกติแล้ว จะอนุญาตให้นั่งได้ไม่เกิน 5 คน 
 
3. ค่าเดินทางโดยสารที่แพงอย่างค่ารถไฟใต้ดินก็ตกอย่างต่ำ 50 บาท และการเดินทางข้ามฟาก หรือข้ามเขาไปมาก็ราคาค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นคุณควรตัดสินใจวางแผนการเดินทางว่าในแต่ละวันจะใช้เวลาท่องเที่ยวอยู่ในแถบไหน ฝั่งเกาลูน ฝั่งฮ่องกง อาเบอร์ดีน หรือเกาะอื่นๆ เป็นโซนๆ ไปเลย จะได้ไม่เสียเวลาเสียสตางค์ข้ามไปข้ามมา  
 
4. ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีระเบียบวินัยเข้มงวดพอสมควร อย่างการเข้าแถวขึ้นลง บันได ให้ทุกคนยืนชิดด้านซ้ายของทางตัวเองไว้ เพราะทางขวาไว้สำหรับคนที่รีบเร่งเท่านั้น หรือการเดินรถ ทุกคนก็จะขับในเลนใครเลนมัน ไม่ค่อยมีการปาดหน้า หรือเปลี่ยนเลนอย่างปุ๊บปั๊บ การข้ามถนนก็ต้องรอสัญญาณไฟเสมอ และข้ามตรงทางม้าลายเท่านั้น หรือการเรียกรถแท็กซี่ ก็ต้องมีการเข้าคิว ต่อแถวตรงจุดที่กำหนด การขึ้นรถ ลงรถทำได้บริเวณที่ทางการอนุญาตเท่านั้น หรือเพียงแค่การทิ้งขยะไม่ถูกที่หรือการถ่มน้ำลายในพื้นที่สาธารณะก็อาจทำให้คุณถูกปรับเป็นเงินหลายพันบาทได้ 
 
5. เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวทุกอย่างคือการบริการไม่ว่าคุณจะเรียกใช้หรือเอ่ยปากขออะไร ขอให้คุณเตรียมเงินทิปเพื่อเป็นสินน้ำใจกับพนักงานไว้ด้วยจำนวนที่เหมาะสม ก็คือ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของค่าบริการทั้งหมด และการเอ่ยปากขอน้ำจิ้มเพิ่มในร้านอาหารบางแห่งก็อย่าตกใจที่ในบิลจะมีค่าน้ำจิ้มนั้นๆ รวมอยู่ด้วย 
 
6. อาหารที่นี่ แม้จะราคาสูงกว่าบ้านเราแต่ก็มีขนาดจานที่ใหญ่มาก เพราะฉะนั้นหากคุณเดินทางไปกับเพื่อนๆ หลายคน แล้วคิดจะสั่งอาหารแบบจานใครจานมันมาทาน คุณอาจจะลองสั่งมาก่อนสัก 2-3 เมนูดูขนาดจานว่าใหญ่ขนาดไหน แล้วค่อยสั่งเพิ่มเติมทีหลังหากไม่อิ่ม อย่ากลัวจะเสียเวลา เพราะที่นี่เขาทำอาหารและบริการรวดเร็ว รอสักนิดดีกว่าสั่งมากินเหลือมากมาย 
 
7. เมื่อเดินทางเข้าร้านอาหารใดๆอย่าได้หวังว่าจะได้พบกับการต้อนรับด้วยน้ำเย็นแก้วโต เพราะที่นี่เขาเน้นการทานน้ำชา และไม่ชอบบริโภคน้ำเย็น เพราะฉะนั้นระมัดระวังไว้นิดก่อนคิดจะจิบน้ำชาเข้าปากเพราะคุณอาจปากพองได้ เขาเสิร์ฟน้ำชากันแบบร้อนจี๋ อุณหภูมิสูงกว่าน้ำชาเมืองไทยหลายเท่านัก 
 
8. หากว่าเจอฝนตกคนต้องกางร่มบังฝน เมื่อจะก้าวขึ้นตึกใดๆ ก็แล้วแต่ คุณต้องนำร่มเก็บในถุงเก็บร่มที่เขาจะมีบริการแขวนไว้ให้ที่บริเวณทางเข้า ป้องกันไม่ให้คุณหิ้วร่มเปียกๆ ไปสร้างความเลอะเทอะกับพื้นทางเดินอาคารของเขา ถ้าฝ่าฝืนหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจได้รับคำกล่าวตักเตือนจากบรรดาพี่ยาม 
 
 9. ระมัดระวังขณะอยู่ในที่ชุมชนคนเยอะๆ อาจโดนลักขโมยข้าวของได้ ถึงแม้ว่าคนมากมายรอบตัวคุณนั้นจะเป็นนักท่องเที่ยวด้วยกันก็อย่าไว้วางใจเพราะกล่มกรุ๊ปทัวร์ แอบฉกกระเป๋า เงินทองไปพร้อมๆ กับการเดินเที่ยว ถือเป็นทรัพย์สินของแถมติดไม้ติดมือกลับบ้าน 
 
10. เวลาเช็กอิน-เช็กเอาท์ของโรงแรมที่นี่ไม่เหมือนกับที่บ้านเรา บางทีเขาก็ให้เข้าพักได้ตอนเที่ยงหรือบางทีก็อาจเป็นช่วงบ่าย เพราะเขาให้เวลาเช็คเอาท์เลตได้ถึงบ่ายสองเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นควรเช็กก่อนล่วงหน้า เพื่อความชัวร์ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลารอห้อง หรือรีบร้อนหอบข้าวหอบของออกมาแต่หัววัน 
 
11. สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณควรเตรียมติดกระเป๋าไป คือ เครื่องอะแดปเตอร์ไปด้วย เพราะที่นี่เขาใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา หากคุณหอบเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเมืองไทย หรืออย่างที่ชาร์ตแบตมือถือ ก็อาจจะต้องหอบไปหนักกระเป๋าเปล่าๆ เพราะหาปลั๊กเสียบไม่ได้ 
 
12. บริการหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ รถไฟสาย เออีแอล (AEL) หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Airport Express Link รถไฟสายด่วน จากสนามบินแล่นถึงใจกลางเมือง ด้วยเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น และที่สำคัญ ขากลับ หากคุณเลือกใช้บริการรถไฟนี้ จากในเมือมาที่สนามบิน คุณยังสามารถเช็กอิน และโลหดกระเป๋าได้ที่สถานีรถไฟใจกลางเมือง แล้วเดินทางขึ้นรถอย่างสะดวกสบายไม่ต้องหอบสัมภาระให้ลำบาก หรืออยากจะเช็กอิน ส่งกระเป๋าเตรียมขึ้นเครื่องล่วงหน้าให้เรียบร้อยแล้วคุณใช้เวลาเดินช้อปปิ้งปิดท้ายแล้วค่อยขึ้นรถไฟไปสนามบินกกตอนเวลาใกล้ๆ เครื่อง Take off ก็ยังได้ แต่ก็คำนวณเวลาให้ดีๆก็แล้วกัน เพราะที่นี่เขามีกฎในการปิดประตูเครื่องก่อนขึ้นบิน 20 นาที และพนักงานก็รักษาระเบียบอย่างเคร่งครัด ถ้าคุณมาไม่ทันรับรองว่าตกเครื่องแน่นอน 
 
13. น้ำจืดราคาแพงในห้องส้วมที่นี่ เครื่องชักโครกทุกอันใช้น้ำทะเลเพราะด้วยความที่เป็นเกาะ น้ำจืดมีราคาแพงเพราะฉะนั้นเขาจึงมีการวางท่อน้ำทะเล เพื่อใช้สำหรับน้ำชักโครกโดยเฉพาะ 
 
14. เจ้าพ่อฮวงจุ๊ย ตึกรามบ้านช่อง ที่เราเห็นว่ามีรูปทรงแปลกตา สวยงามไม่ซ้ำใคร เป็นเพราะความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ย ที่คนฮ่องกงเขาเชื่อถือกันอย่างเคร่งครัด ถึงขนาดที่เวลาขึ้นปีใหม่ของทุกปี เขาจะมีรายการโทรทัศน์คอยบอกรายละเอียดเลยว่าปีนี้ราศีนี้ควรจัดบ้านอย่างไร ต้องเอาอะไรประดับตรงไหน 
 
15. รถยนต์ที่นี่ เราจะพบเห็นแต่ยี่ห้อหรูหราอย่าง เบนซ์ เล็กซัส หรือว่าบีเอ็มดับเบิ้ลยู เพราะว่าคนที่จะมีรถได้ต้องมีฐานะดีมาก เนื่องจากการมีรถหนึ่งคันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก จนกระทั่งที่เขากล่าวว่ามีรถก็เหมือนมีเมียหรือมีลูกเพิ่มขึ้นอีกคนเพราะนอกจากค่ารถ ค่าน้ำมันแล้ว ยังต้องซื้อประกัน ซื้อที่จอด และต้องดูแลอีกสารพัด 
 
16. ธนบัตรของที่นี่ แม้ว่าจะเป็นฉบับที่มีมูลค่าเท่ากันก็มีหลากหลาย หลายลวดลาย เพราะว่าเขามีหลายธนาคารที่รับผิดชอบการพิมพ์ การผลิต จะมีความเหมือนกันอยู่อย่างเดียวก็คือ สี ที่จำแนกตามราคา 
 
 
ประเทศฮ่องกง