Loading...

เที่ยวไปกับ ชิล สแควร์ ทราเวล
 เพื่อนเที่ยวเพื่อนคุณ 

Call Center : 094-545-3095

ส่องสถานที่เที่ยวฟุกุโอกะ มนต์เสน่ห์แห่งญี่ปุ่นที่เที่ยวได้ไม่ซ้ำใคร

06 ก.ย. 2560

ท่องวัดสวย ชมซากุระงาม ดูความศิวิไลซ์ในมุมมองใหม่ที่ไม่จำเจกับเมืองใหญ่ กับเหล่าสถานที่ท่องเที่ยวฟุกุโอกะแห่งญี่ปุ่นแดนใต้ที่ต้องลองไปเยือนดูสักครั้ง

เมื่อพูดถึงเมืองท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เราก็จะนึกถึงแต่โตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฮอกไกโด และเมืองที่อยู่ในละแวกนั้นกันใช่ไหม? แต่วันนี้ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ “ฟุกุโอกะ” จังหวัดน่าสนใจที่ความเจริญก้าวหน้าผสมผสานกับวัฒนธรรมเก่าแก่ได้อย่างลงตัว มีความสะดวกสบายแต่ก็ไม่อึดอัดแบบเมืองใหญ่ จึงไม่แปลกเลยที่ฟุกุโอกะจะกลายเป็นเดสติเนชั่นของคนอยากไปญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง และคุณก็จัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นจากที่นี่ได้แบบไม่ซ้ำใคร!

จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นจังหวัดติดทะเลที่ตั้งทางตอนเหนือของเกาะคิวชู (Kyushu Island) ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีความสำคัญในฐานะเมืองท่าอันเก่าแก่และอยู่ใกล้กับประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่มากที่สุด มีเมืองทั้งหมด 28 เมือง โดยเมืองฟุกุโอกะคือเมืองเอกที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด และยังมีเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) และดาไซฟุ (Dazaifu) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและน่าท่องเที่ยวของจังหวัดเช่นกัน

การเตรียมตัวเดินทาง

ฤดูกาลและสภาพอากาศ ฟุกุโอกะแบ่งสภาพอากาศออกเป็น 4 ช่วงได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิในเดือน 3-5 ฤดูร้อนที่ค่อนข้างอบอ้าวและมีฝนตกในเดือน 6-8 ฤดูใบไม้ร่วงในเดือน 9-11 และฤดูหนาวที่ไม่มีหิมะตกในเดือน 12-2 โดยเฉลี่ยแล้วสภาพอากาศจะอบอุ่นกว่าเขตอื่นๆ ของประเทศ แต่ควรจะไปเที่ยวฟุกุโอกะเดือนไหนดี? เที่ยวได้เกือบทั้งปียกเว้นช่วงฝนตก ถ้าคุณชอบอากาศเย็นสบายและดอกไม้งาม เราขอแนะนำช่วงฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูที่มีดอกซากุระบานหลายแห่ง

การเดินทางไปฟุกุโอกะ ที่ฟุกุโอกะมีรถไฟชินคันเซ็นให้บริการเดินทางข้ามจังหวัดมาจากโอซาก้า หรือโตเกียว แต่คุณสามารถไปเที่ยวฟุกุโอกะได้อย่างสะดวกบายด้วยการนั่งเครื่องบินไปถึงสนามบินฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นช่องทางเดียวและรวดเร็วที่สุดจากไทยในการมาเที่ยวจังหวัดนี้ ด้วยเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง หรือเพิ่มเวลาเป็น 9-10 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางด้วยเที่ยวบินต่อที่มีราคาตั๋วเครื่องบินถูกกว่า

ท็อป 10 สถานที่ท่องเที่ยวฟุกุโอกะ



ปราสาทโคคูระ (Kokura Castle)

เริ่มต้นท่องเที่ยวฟุกุโอกะที่แรกด้วยปราสาทหนึ่งเดียวที่ยังคงยืนยงอยู่ในจังหวัดนี้ นั่นก็คือ “ปราสาทโคคูระ” ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางเมืองคิตะคิวชู โดยตัวปราสาทมีความสูงถึง 5 ชั้น บริสุทธิ์สวยงามด้วยสีขาวสะอาด และตั้งอยู่บนฐานหินที่ช่วยตัวอาคารยกให้สูงโดดเด่น ภายในจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของปราสาทและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งที่นี่เคยถูกทำลายและสร้างใหม่มาแล้วหลายครั้ง แต่ปราสาทหลังปัจจุบันเพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อ 60 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง และคุณยังสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองคิตะคิวชูที่ชั้นสูงสุดของปราสาทได้อีกด้วย


วัดโทโชจิ (Tochoji Temple)

วัดสำคัญทางศาสนาพุทธของเกาะคิวชู และเป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย ตั้งอยู่ภายในเมืองฟุกุโอกะ ภายในมีบรรยากาศที่ร่มรื่นและเงียบสงบ ประกอบด้วยศาลาวัดน้อยใหญ่หลายหลังที่ได้รับการดูแลรักษามาเป็นอย่างดีจนปัจจุบัน มีเจดีย์ 5 ชั้นแบบญี่ปุ่นสีแดงสดเป็นจุดเด่นสะดุดตา แต่ภายในวิหารของวัดนี้ยังมีอีกไฮไลท์หนึ่งที่ต้องเข้าไปชมให้ได้ นั่นคือ “ฟุกุโอกะ ไดบุสสึ (Fukuoka Daibutsu)” พระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ขนาดใหญ่และสูงที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูงถึง 10.8 เมตร และหนักถึง 30 ตัน ใช้เวลาแกะสลักอย่างละเอียดอ่อนนานถึง 4 ปี


วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)

อีกหนึ่งวัดที่มีพระใหญ่อลังการงานสร้างให้ชม แต่นักท่องเที่ยวอาจยังไม่รู้จักนัก เพราะวัดนันโซอินซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาของเมืองซาซะกูริ (Sasaguri) ทางตะวันออกของเมืองฟุกุโอกะ ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่หล่อขึ้นจากสำริดองค์ใหญ่ มีความสูง 11 เมตร ยาวถึง 41 เมตร และหนักถึง 300 ตัน มีพระพักตร์อิ่มเอิบ ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศพม่า ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาเขียวขจีดูสวยงาม แต่นอกจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้ว ยังมีพระพุทธรูปเล็กๆ มากมายที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งวัดอีกด้วย


วัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozenji Temple)

วัดเก่าแก่ในนิกายเซนที่นับว่าสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคิวชู สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 ในยุคคามาคุระของญี่ปุ่นโบราณ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองดาไซฟุ ที่นี่มีความโดดเด่นในเรื่องของสวนหินญี่ปุ่นที่ถูกจัดไว้โดยรอบวัดอย่างประณีต ประกอบด้วยหินก้อนใหญ่กับทางกรวดที่คราดเป็นลวดลายรอบก้อนหินแต่ละจุดอย่างวิจิตรงดงาม ตัดกับทุ่งมอสสีเขียวชอุ่มและต้นไม้ให้ร่มเงาที่ส่วนใหญ่คือต้นเมเปิ้ล ซึ่งจะเปลี่ยนใบเป็นสีแดงทั้งต้นและร่วงสู่พื้นสวนในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวฟุกุโอกะที่คุณต้องไม่พลาดในทุกบรรยากาศด้วยประการทั้งปวง


ศาลเจ้าโกโกกุ (Gokoku Shrine)

ศาลเจ้าใหญ่ประจำศาสนาชินโตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองฟุกุโอกะ เป็นศาลที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามยุคเมจิของญี่ปุ่น ตัวอาคารเจ้าประกอบด้วยปีก 2 ฝั่งทำมุมป้านโดยมีจุดกึ่งกลางเป็นที่ตั้งของศาลที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าสามารถให้พรเกี่ยวกับความมั่งคั่งและการเดินทางที่ปลอดภัย ส่วนด้านหลังศาลเจ้าเป็นสวนป่าที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่แน่นทึบ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ศาลเจ้าโกโกกุเป็นที่เที่ยวที่น่าสนใจของฟุคุโอกะนั่นก็คือซุ้มประตูโทริอิ (Torii) หน้าทางเข้าศาลเจ้า มีความสูง 13 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นซุ้มประตูโทริอิไม้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว


สวนคาวาชิฟูจิ (Kawachi Fuji Park)

สวนสาธารณะทางใต้ของเมืองคิตะคิวชูที่คนชอบชมดอกไม้ต้องไปให้ได้! เพราะในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ดอกวิสทีเรียกำลังบานสะพรั่งห้อยเป็นพวงหลากสีสันเต็มทั้งสวนเลย! โดยที่สวนคาวาชิฟูจิแห่งนี้มีอุโมงค์ต้นวิสทีเรียที่ยาวนับร้อยเมตรเป็นไฮไลท์ แค่ได้เดินเข้าไปก็เหมือนคุณหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความฝันแล้วล่ะ แต่เท่านั้นยังไม่พอ! ที่นี่ยังมีต้นวิสทีเรียเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีที่ลำต้นขดเป็นเกลียวใหญ่และแผ่ขยายกิ่งก้านออกดอกไปรอบบริเวณดูมีมนต์ขลัง แต่ถ้าคุณมาในฤดูอื่น สวนนี้ก็มีดอกไม้สวยงามหมุนเวียนให้ชมตลอดปีนะ


สวนสาธารณะนิชิ (Nishi Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่บนภูเขาติดชายฝั่งทะเลฮากาตะของเมืองฟุกุโอกะ ที่เที่ยวที่น่าตื่นตาที่สุดในช่วงฤดูต้นฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น เพราะต้นไม้กว่า 1,000 ต้นของสวนแห่งนี้แทบทั้งหมดคือ “ต้นซากุระ” ซึ่งจะพร้อมใจกันขับดอกสีชมพูอ่อนสวยงามเต็มพื้นที่ทั้งสวนเป็นเวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ก่อนโรยรา โดยสวนสาธารณะนิชิถือเป็น 1 ใน 100 จุดชมดอกซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ! และคุณก็ไม่ต้องเบียดเสียดกับคนเป็นจำนวนมากเหมือนสวนในเมืองอื่นด้วย เพราะสวนนี้นักท่องเที่ยวจะค่อนข้างน้อยจากเส้นทางที่ไกลจากสถานีรถไฟนิดนึง แต่ก็ไม่ยากเกินไปถึงแน่นอน!


ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)

นี่คือตึกที่สูงที่สุดของเมืองฟุกุโอกะ ด้วยความสูงถึง 234 เมตร เป็นอาคารสมัยใหม่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลฮากาตะ แพรวพราวไปด้วยกระจกสะท้อนท้องฟ้าและแสงอาทิตย์ทั้งอาคาร โครงสร้างสามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ มีชั้นบนสุดของอาคารเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองฟุกุโอกะทั้งเมืองและทะเลฮากาตะในมุมกว้างได้อย่างสวยงาม แต่นอกจากการขึ้นไปชมวิวแล้ว ติดๆ กันยังมีศูนย์จัดแสดงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ “โรโบสแควร์ (Robosquare)” ที่มีของเล่นเกี่ยวกับหุ่นยนต์อันล้ำสมัยจำหน่ายให้คนที่ชอบเทคโนโลยีติดไม้ติดมือกลับไปเล่นที่บ้านด้วยนะ


ย่านเท็นจิน (Tenjin Ward)

ย่านช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและถือเป็นจุดศูนย์กลางทางเศษฐกิจของเมืองฟุกุโอกะ เที่ยวช็อปชมสินค้าแบรนด์เนมกันแบบละลานตาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะที่นี่มีศูนย์การค้า ร้านขายของ ถนนคนเดิน และร้านอาหารที่เหมือนถูกมัดรวมกันมาวางตรงย่านนี้หมด โดยที่เที่ยวเด่นๆ ของย่านเท็นจินก็มี “ห้างอิวาตายะ (Iwataya)” ใจกลางถนนที่วุ่นวายไปด้วยผู้คน หรือจะเปลี่ยนจากการช็อปปิ้งมาชมตึกแปลกๆ อย่าง “ตึกอะครอส (Acros)” ตึกสมัยใหม่ที่ออกแบบให้มีต้นไม้ขึ้นเขียวขจีคลุมทั้งตึก ซึ่งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวชอบเรียกกันอย่างติดปากว่าตึกต้นไม้


ศูนย์การค้าคาแนลซิตี้ (Canal City)

มาถึงเมืองฟุกุโอกะที่ญี่ปุ่นทั้งที จะพลาดการช็อปปิ้งในศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไปได้อย่างไร? เพราะที่คาแนลซิตี้นั้นเรียกว่าเป็น “เมือง” ย่อมๆ เลยก็ว่าได้ โดยเป็นหมู่อาคารรูปทรงแปลกและใหญ่โตที่ขุดคลองให้ผ่านกลางพื้นที่ไว้เลย! ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำกับย่านเท็นจิน ภายในประกอบด้วยโรงแรม โรงละคร โรงภาพยนตร์ ร้านค้าและร้านอาหารมากมายกว่า 250 ร้าน โดยเฉพาะคนชอบกินเส้นต้องห้ามพลาด เพราะที่ชั้น 5 เขามี “ราเม็งสเตเดี่ยม (Ramen Stadium)” แหล่งรวมราเม็งอร่อยจากทั่วฟ้าเมืองญี่ปุ่น รวมทั้ง “ฮากาตะราเม็ง” อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนี้

Cr: www.skyscanner.co.th