Loading...

เที่ยวไปกับ ชิล สแควร์ ทราเวล
 เพื่อนเที่ยวเพื่อนคุณ 

Call Center : 094-545-3095

แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ!? สถานที่แปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่น้อยคนจะรู้จัก

01 ต.ค. 2560

คุณคิดว่าธรรมชาติกับมนุษย์ ใครเป็นนักสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่เก่งกาจกว่ากัน ไปดูกันว่าจะน่าตื่นตาตื่นใจสักแค่ไหน


1.ทะเลสาบลายจุด (แคนาดา)

ถ้าพูดถึงเจ้าพ่อทะเลสาบก็ต้องยกให้แคนาดาเขาแหละ เพราะเป็นดินแดนที่มีทะเลสาบน้อยใหญ่มากที่สุดในโลก

แต่ไม่มีทะเลสาบไหนจะแปลกเท่า "ทะเลสาบลายจุด" (Spotted Lake) อีกแล้ว

เพราะพ่อเล่นมาอย่างกับจานสีร้อยหลุม ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐบริติช โคลัมเบีย นอกจากน้ำจะแยกกันเป็นแอ่งๆ จุดๆ แล้ว แต่ละแอ่งยังมีสีต่างกันอีกต่างหาก ทั้งฟ้า เหลือง เขียว น้ำตาล ฯลฯ

ไล่เฉดสวยงามอย่างกับศิลปินคนไหนมาจัดวาง แถมยังมีแร่ธาตุต่างๆ เข้มข้นมากที่สุดในโลกด้วย


2.ทางเดินของยักษ์ (ไอร์แลนด์เหนือ)

เล่นใหญ่ของจริง... "ทางเดินของยักษ์" (Giant's Causeway) ณ ไอร์แลนด์เหนือ นอกจากจะถูกยกเป็นมรดกโลกแล้วยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย

มีลักษณะเป็นแท่งเสาหินสมมาตรจำนวนมากทอดยาวเรียงรายอยู่บนชายหาด บางส่วนยื่นออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก ความสูงลดหลั่นกันไป บางแท่งสูงถึง 12 เมตร รวมทั้งหมด 40,000 แท่ง

ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีมนุษย์หน้าไหนสร้างขึ้นแต่อย่างใด หากแต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ศิลปินมือเอกของโลกก็ต้องพี่ธรรมชาตินี่แหละ


3.บ่อน้ำเทพเจ้าธอร์ (สหรัฐอเมริกา)

หน้าพี่ธอร์กับค้อนคู่ใจลอยมาทันที... "บ่อน้ำเทพเจ้าธอร์" (Thor's Well) อยู่ที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา เป็นบ่อน้ำเค็มที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ถูกคลื่นทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกกัดเซาะซ้ำๆ มาเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ ราวกับเทพเจ้าธอร์เอาค้อนประจำกายฟาดลงไปอย่างแรง (สงสัยจะโกรธโลกิมา)

รอบปากบ่อเต็มไปด้วยโขดหินแหลมคมจำนวนมาก ทำให้กระแสน้ำที่ไหลหลั่งลงไปในบ่อดูแตกต่างทางลีลาและท่วงทำนองอย่างงดงาม


4.ปราสาทปุยฝ้าย (ตุรกี)

สวยขาดใจ... "ปราสาทปุยฝ้าย" (Pamukkale) ตุรกีส่งเข้าประกวด เกิดจากน้ำพุร้อนใต้ดินเอ่อท้นขึ้นมาเหนือผิวดิน แล้วทำปฏิกิริยาจับตัวจนแข็ง เกาะกันเป็นริ้วเป็นแอ่ง

ดูคล้ายหน้าผาหรือระเบียงสีขาว ลดหลั่นเป็นชั้นไปตามภูมิประเทศ ดูเผินๆ เหมือนสร้างจากหิมะ ก้อนเมฆหรือปุยฝ้าย จึงเรียกกันว่าปราสาทปุยฝ้าย ส่วนน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิราว 33 - 35 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิกำลังดี น่านอนแช่ชิลล์ๆ แถมยังมีสรรพคุณในการบำบัดโรคอีกต่างหาก ที่นี่เลยกลายเป็นสปาธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจริงๆ


5.ทะเลสาบสีชมพู (ออสเตรเลีย)

เห็นแล้วอยากกินนมเย็นไหมล่ะ... "ทะเลสาบสีชมพู" (Lake Hillier) ตั้งอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย มีความยาวประมาณ 600 เมตร ขอบทะเลสาบปกคลุมด้วยแผ่นเกลือสีขาว

รายล้อมด้วยดงป่าทึบเขียวขจีแน่นหนา น้ำในทะเลสาบมีสีชมพูหวานราวสีของนมเย็นหรือกลีบกุหลาบ และเป็นสีถาวร ทดลองตักมาใส่ภาชนะอื่นก็ไม่เปลี่ยนสี

สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย Dunaliella ผลิตสารสีแดงเพื่อดูดซับแสงอาทิตย์ ทำให้ยิ่งโดนแสงก็ยิ่งแสดงสีมากขึ้น


6.ระเบียงน้ำแร่ธรรมชาติ (อิหร่าน)

อีกสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของธรรมชาติ... "ระเบียงน้ำแร่สีส้ม" (Badab-e Surt) ตั้งอยู่บนเขาสูง 1,840 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทางตอนเหนือของประเทศอิหร่าน

มีอายุเก่าแก่ยาวนานนับพันปี มีลักษณะเป็นระเบียงหินอ่อนลดหลั่นกันหลายชั้น เอ่อท้นไปด้วยน้ำพุร้อนที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคต่างๆ

โดยเฉพาะโรคข้อรูมาตอยด์ ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิน้ำแร่จะมีรสเค็ม แต่ช่วงปลายฤดูน้ำจะมีรสเปรี้ยวและเปลี่ยนเป็นสีส้ม ทำให้ระเบียงหินอ่อนกลายเป็นสีส้มงามจับตาจับใจไปด้วย


7.อุทยานภูเขาหิน (จีน)

"อุทยานภูเขาหินเทียนจื่อ" (Tianzi Mountain) อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน อุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยแท่งหิน สูงต่ำ น้อยใหญ่ เรียงรายกว่า 200 ยอด แทงเสียดลิ่วๆ

ขึ้นไปในอากาศ รูปร่างแตกต่างกันแทบไม่ซ้ำแบบ ไอหมอกสีขาวละมุนลอยปกคลุมเหมือนดินแดนในความฝัน

ความวิจิตรอลังนี้ก่อเกิดจินตนาการให้ผู้คนนำมาผูกร้อยเป็นเรื่องราวคติธรรมสอนใจมากมายในประเทศจีน เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักอุทยานภูเขาหินแห่งนี้ดี

เพราะมันถูกใช้เป็นที่สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดเรื่อง Avatar ด้วย


8.ลายเส้นปริศนา (เปรู)

"ลายเส้นนาซคา" (Nazca Lines) ในประเทศเปรู ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์เดินดินกันแน่ เมื่อมองลงมาจากทางอากาศ

เราจะเห็นลายเส้นเหล่านี้เป็นรูปร่างมนุษย์และสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างชัดเจน แต่ไม่ต้องเถียงกันแล้วนะ เพราะในที่สุดวงการโบราณคดีก็สรุปตรงกันว่า

นี่เป็นลายเส้นที่วาดโดยชาวนาซคาซึ่งอาศัยอยู่ในแถบนี้เมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว และเหตุที่ลายเส้นยังอยู่คงทนมาถึงทุกวันก็เพราะพื้นที่บริเวณนี้เป็นหินสีแดงที่แห้งแล้ง

ไม่มีฝนตก ทำให้มันได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศน้อยมากนั่นเอง

CR: https://travel.sanook.com/