“ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” หรือชื่อทางการว่า “สมาพันธรัฐสวิส” ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตกโดยมีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศออสเตรีย และประเทศลิกเตนสไตน์ นอกจากจะมีความเป็นกลางทางการเมืองแล้ว “สวิตเซอร์แลนด์” ยังถูกนับว่ามีการให้ความร่วมมือกับระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรนานาชาติหลายแห่งอีกด้วย ซึ่งถ้าหากเอ่ยถึง “ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “สวิส” หลาย ๆ ท่านคงนึกถึงความโรแมนติก ความสวยงามของธรรมชาติกันใช่ไหมคะ เรียกได้ว่าเป็นประเทศจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะประเทศนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความสวยงามน่าหลงใหล ถึงแม้อาณาเขตจะไม่ติดทะเลแต่น้องชิลขอบอกเลยว่าภูเขาหิมะของที่นี่สวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียวล่ะค่ะ นอกจากภูเขาหิมะแล้วจะมีที่ใดอีก น้องชิลได้รวบรวมมาให้ทุกท่านแล้วนะคะกับ “10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์” ไปชมกันได้เลยค่าา ~

1

น้ำตกไรน์ (Rhein Fall) ,เมือง Neuhausen am Rheinfall

น้ำตกไรน์ :  เป็นน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำไรน์ ถือเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยความสูงของน้ำตก 23 เมตร และกว้างกว่า 150 เมตร มีความแรงของกระแสน้ำอยู่ที่ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในฤดูหนาว ส่วนในฤดูร้อนจะมีมากกว่า คือ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำตกไรน์นี้ เป็นน้ำตกโบราณถือกำเนิดขึ้นในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายมีอายุเก่าแก่ประมาณ 14,000 - 17,000 ปี โดยจะมีบริการเรือแบ่งเป็นหลายแบบ เช่น เรือที่สามารถข้ามฟากไปเที่ยวปราสาทเวิร์ท (Schloss Worth) ของฝั่งเยอรมัน หรือจะนั่งเรือไปชมเกาะเล็กกลางน้ำแบบเปิดประสบการณ์หวาดเสียว รวมถึงเรือที่นั่งชิลชมวิวด้วยค่ะ บริเวณโดยรอบมีร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ให้ทุกท่านได้เดินชิล ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักเดินทางมามากที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เลยค่ะ

2

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) ,เมือง Interlaken - เมือง Fiesch

ยอดเขาจุงเฟรา : หากท่านใดที่ได้มาเยือนสวิตเซอร์แลนด์ คงไม่พลาดกับการขึ้นมาชมทัศนียภาพธรรมชาติสวยงามของยอดเขาสูงแน่นอนค่ะ ยอดเขาจุงเฟราคือหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 4,000 เมตร ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี 2007 โดยการขึ้นไปชมวิวของยอดเขาจุงเฟราสามารถไปได้โดยรถไฟ ปลายทางทุกท่านจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสายนี้ ที่จัดแสดงในอุโมงค์ยาว พร้อมทั้งมีถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่มีรูปปั้นแกะสลัก และอุโมงค์ถ้ำน้ำแข็งให้ได้เที่ยวชมอีกด้วยค่ะ แต่ละฤดูกาลที่นี่ก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป หากเดินทางมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งทั่วภูเขาแต่ในช่วงฤดูหนาวจะได้เห็นยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ

3

อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) ,เมือง Lucerne

อนุสาวรีย์สิงโต : สร้างขึ้นในปี 1821 เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสซึ่งเสียชีวิตในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี 1792 ได้มีฝูงชนก่อการจลาจลบุกเข้าไปยังปราสาท Tuileries ทหารสวิสได้พยายามปกป้องคนในราชวงศ์ แต่แล้วทหาร 760 นายก็เสียชีวิตระหว่างศึกครั้งนั้น เป็นผลงานการออกแบบและแกะสลักของ Bertel Thovaldsen ศิลปินชาวเดนมาร์ก สิงโตนี้ หมายถึง ทหารสวิสที่มีความกล้าหาญ มีอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ แต่เท้าของสิงโตก็ยังคงปกป้องโล่ห์ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์ เตือนให้ระลึกถึงวีรกรรมของทหารที่เคยมีส่วนร่วมในสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส โดยยอมตายเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีจนวาระสุดท้ายนั่นเองค่ะ อนุสาวรีย์แห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองลูเซิร์นอีกด้วยค่ะ

4

สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ,เมือง Lucerne

สะพานไม้ชาเปล : เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลกมีอายุหลายร้อยปี โดยเป็นสะพานสำหรับข้ามแม่น้ำรอยส์ในเมืองลูเซิร์น ความยาว 204 เมตร มีป้อมปราการแปดเหลี่ยมตั้งอยู่กลางสะพาน ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์น ใต้หลังคาคลุมสะพานแห่งนี้มีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปีอีกด้วยค่ะ

5

ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ,เมือง Zermatt

ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น : เป็นชื่อยอดเขาที่ตั้งอยู่บนแนวของเทือกเขาแอลป์อยู่บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ภูเขาที่สง่างามลูกนี้มียอดเขาทรงพีระมิดที่ปกคลุมด้วยหิมะบนสุดของยอดเขา โดยรอบภูเขานี้มีชื่อที่เรียกว่า “ฮอร์น” แปลว่า เขาสัตว์ ในภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมันเรียกว่า แมทเทอร์ฮอร์น ภาษาอิตาลีเรียกว่า มอนเตแชร์วีโน และภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า มงแซร์แวง มีความสูงถึง 4,478 เมตร แมทเธอร์ฮอร์นเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 50 ล้านปีก่อน การเดินทางไปยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นจากเซอร์แมทสามารถนั่งเคเบิ้ลคาร์ที่สูงที่สุดในยุโรประดับความสูง 3,883 เมตร ทิวทัศน์รอบด้าน 360 องศา ที่เผยให้เห็นภูเขา 38 ลูกที่ตั้งตระหง่านสูงกว่า 4,000 เมตร และธารนํ้าแข็ง 14 สาย เป็นทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเลยค่ะ

6

ยอดเขาพิลาทุส (Pilatus Kulm) ,เมือง Lucerne

ยอดเขาพิลาทุส : ที่รู้จักกันในนามภูเขาแห่งมังกร เปรียบเหมือนอัญมณีอันงดงามและยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เหนือเมืองลูเซิร์น เป็นยอดเขาเก่าแก่ ตามตำนานเล่าว่า มีมังกรหินตกจากท้องฟ้าในปี 1420 ผู้ว่าราชการจังหวัดโรมันปอนติอุสปิลาตุสถูกฝังอยู่ในทะเลสาบปิลาตุส และในตำนานยังเชื่อว่าเป็นคนโบราณยืนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ เทือกเขาปิลาตุสตั้งอยู่บนพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,132 เมตร สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์โดยขึ้นรถไฟฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลกซึ่งมีความชันถึง 45 องศา ไต่ระดับไปสู่ยอดเขาเพื่อขึ้นไปชมความงามของเมือง เป็นการเปิดประสบการณ์สุดล้ำค่าที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีกแน่นอนค่ะ

7

ทะเลสาบเออชีเนิน (Oeschinen Lake) ,เมือง Bern

ทะเลสาบเออชีเนิน : ทะเลสาบเออชีเนินตั้งอยู่ในหุบเขาใกล้หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองเบิร์น ซึ่งมีความสูงมากกว่าระดับน้ำทะเล 1,578 เมตร มีพื้นที่น้ำ 1.11 ตารางกิโลเมตร และมีความลึก 34-56 เมตร โดยทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากสายน้ำบนภูเขาที่ไหลลงมายังทะเลสาบสุดงดงาม ในช่วงฤดูหนาวทะเลสาบเออชีเนินจะกลายเป็นน้ำแข็งยาวนานถึง 5 เดือน สามารถมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งหรือตกปลาน้ำแข็งก็ได้ เพราะที่นี่เป็นจุดตกปลาชั้นดีมีปลาหลายชนิดที่คนรักการตกปลาไม่ควรพลาด อีกทั้งปัจจุบันทะเลสาบเออชีเนินยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วยค่ะ

8

ปราสาทชิลยอง (Chillon Castle) ,เมือง Montreux

ปราสาทชิลยอง : ปราสาทยุคกลางที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ซาวอย ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัญมณีทางประวัติศาสตร์ของสวิตเซอร์แลนด์ แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เก็บค่าผ่านทางและใช้เพื่อควบคุมการเดินเรือในทะเลสาบเจนีวา ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นอย่างแน่นหนาและมิดชิด ด้านนอกมีหน้าต่างเล็กๆสำหรับมองออกมาจากภายในเท่านั้น  เพื่อเป็นการป้องกันนักโทษจากการหลบหนี เนื่องจากแต่เดิมที่นี่เคยเป็นสถานที่กักขังของนักโทษ  ในปราสาทมีห้องจำนวนมากให้ได้เข้าไปชม ไม่ว่าจะเป็นห้องเก็บเสบียงอาหาร ห้องเก็บไวน์  ห้องครัวขนาดใหญ่ที่มีเตาผิง ถ้วยโบราณ และอุปกรณ์ทำอาหารจัดเรียงเอาไว้ ถัดมาจะเป็นห้องแห่งการสร้างสรรค์หรือที่เรียกว่า “ฮอลล์ ออฟ จัสทิส” ซึ่งคล้ายๆกับห้องรับแขกของบ้านเรา มีโต๊ะสำหรับจัดงานเลี้ยงและมีช่องหน้าต่างกว้างสำหรับแขกที่ต้องการชมบรรยากาศของทะเลสาบ นอกจากนี้ยังมีห้องอื่นๆอีกมากมายรอให้เข้าไปชมอีกด้วยค่ะ

9

น้ำพุเจ็ทโด้ (Jet d’ Eau) ,เมือง Ganeva

น้ำพุเจ็ทโด้ : เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบ Lake Geneva จะพ่นน้ำครั้งละ 500 ลิตรต่อวินาที พุ่งกระจายบนอากาศที่ความสูง 140 เมตร ด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งน้ำพุมีขนาดใหญ่มากจนสามารถมองเห็นได้แม้ในระยะไกลหลายกิโลเมตร นอกจากนี้บริเวณโดยรอบทะเลสาบก็มีหลายกิจกรรมให้ทำเช่นกันไม่ว่าจะเป็นวินด์เซิร์ฟ สกีน้ำ หรือพายเรือคายัค เรียกได้ว่าน้ำพุเจ็ทโด้เป็นแลนด์มาร์คของเมือง Ganeva หากมาถึงแล้วห้ามพลาดเลยนะคะ

10

หมู่บ้านเมอร์เรน (Murren) ,เมือง Murren

หมู่บ้านเมอร์เรน : เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เชิงเขา Schilthorn สามารถเดินทางขึ้นไปด้วยเคเบิ้ลคาร์และต่อด้วยรถไฟ ซึ่งระหว่างทางรถไฟทุกท่านจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาจุงเฟราอีกด้วย โดยภายในหมู่บ้านนั้นจะมีโรงแรม ร้านอาหารและร้านเบเกอรี่ต่าง ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยว จุดเด่นของที่นี่คือบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบเพราะเป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์นั่นเองค่ะ หากท่านใดชอบความเงียบสงบต้องการชมธรรมชาติแบบเต็มอิ่มก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวหมู่บ้านเล็ก ๆ แสนอบอุ่นแห่งนี้กันดูนะคะ

หากจะเปรียบสวิตเซอร์แลนด์เป็นดินแดนในฝันก็คงจะไม่เกินจริงเลยใช่ไหมคะ เพราะที่นี่ทั้งสวยงามและโรแมนติกสุด ๆ ไปเลยค่ะ น้องชิลเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะลิสต์ประเทศนี้ไว้ในใจเช่นกัน หากท่านใดมีโครงการจะเดินทางท่องเที่ยวยุโรปโอบกอดกับธรรมชาติ “สวิตเซอร์แลนด์” ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ การันตีได้เลยว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ^^