Loading...

เที่ยวไปกับ ชิล สแควร์ ทราเวล
 เพื่อนเที่ยวเพื่อนคุณ 

Call Center : 094-545-3095

แจกพิกัดเที่ยวจอร์แดน ดินแดนที่คุณต้องถูกใจ !!

21 ก.ค. 2563

จอร์แดน สถานที่แนะนำ

ชวนไปเที่ยว “จอร์แดน” ดินแดนแห่งนครศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจบอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด !!

“ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน” (Hashemite Kingdom of Jordan) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “จอร์แดน” เป็นประเทศในตะวันออกกลางมีพรมแดนติดกับประเทศซีเรีย อิรัก ซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล “จอร์แดน” เป็นประเทศที่เกือบไม่มีทางออกสู่ทะเลมีชายฝั่งทะเลเดดซีร่วมกับอิสราเอล และชายฝั่งอ่าวอะกาบาร่วมกับอิสราเอล ซาอุดิอาระเบียและอียิปต์ ที่สำคัญยังมีพื้นที่ทะเลทรายอันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศแถบตะวันออกกลางอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ประเทศจอร์แดนยังเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นเมืองโบราณอันยิ่งใหญ่ หรือทะเลที่มีความเค็มที่สุดในโลก และจะมีที่ใดอีกตามน้องชิลไปเช็คอินสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งตะวันออกกลางกันได้เลยค่าา ~

-1-

นครเพตรา (Petra)

นครเพตรา

นครเพตรา : หรือเปตรา (Petra) ตั้งอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา (Wadi Musa) ทางตอนใต้ของทะเลเดดซี ในอดีตที่นี่เคยเป็นถิ่นฐานของชาวบานาเทียน (Nabataeans) ชาวอาหรับเผ่าเร่ร่อนกลางทะเลทรายที่มาตั้งรกรากและสร้างบ้านเรือนเอาไว้ในบริเวณนี้ เมืองเพตรามีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี สร้างขึ้นโดยการสลักหน้าผาหินทรายเข้าไปเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัย นครเพตราเจริญสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาลและกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดของชาวอาหรับ ชาวบานาเทียนผู้เร่ร่อนจึงได้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นพ่อค้าและนักคุ้มครองกองคาราวานเนื่องจากตลอดเส้นทางนั้นเต็มไปด้วยอันตรายทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ คำว่าเพตรา ในภาษากรีกนั้นหมายถึง “หิน” ตรงกับภาพลักษณ์ที่ปรากฏให้เห็น ความยิ่งใหญ่ของเพตรามาถึงจุดเสื่อมลงเมื่อมีเส้นทางการค้าอื่นที่สะดวกและปลอดภัยกว่าเกิดขึ้นทำให้พ่อค้าเลิกสนใจในเมืองเพตรา กระทั่งในปี 106 เมืองเพตราถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโรมันและถูกมุสลิมยึดครองในช่วงศตวรรษที่ 7 ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากที่สุดของประเทศจอร์แดน และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วยค่ะ


-2-

ทะเลเดดซี (Dead Sea)

เดดซี

ทะเลเดดซี : หรือทะเลมรณะ อยู่ทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือมากถึง 25% โดยทะเลปกติอยู่ที่ 4% - 6% เท่านั้น “เดดซี” ขึ้นชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์ของแร่ธาตุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโคลน ดิน น้ำ และเกลือ ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้มีประโยชน์กับระบบของร่างกาย 2 ระบบ คือ ด้านผิวพรรณ (Skin System) ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ และด้านสุขภาพภายใน (Body Immune System) เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อ เส้นประสาท เอนไซม์ และฮอร์โมน สาเหตุที่ทำให้เราไม่จมในทะเลสาบเดดซีก็เป็นเพราะน้ำในทะเลมีเกลือละลายอยู่มากความหนาแน่นของน้ำจึงมากเป็นพิเศษ คนที่ลงไปเล่นน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะไม่มีวันจมน้ำ ไม่ว่าตัวเราจะอ้วนหรือหนักขนาดไหนก็ยังความแน่นน้อยกว่าน้ำของทะเลสาบอยู่ดีค่ะ


-3-

ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum)


ทะเลทรายวาดิรัม : หรือ หุบเขาแห่งพระจันทร์ (Wadi Rum or The Valley of The Moon) ซึ่งมีจุดเด่นด้านทัศนียภาพที่งดงามมีทั้งหินผาและทะเลทรายสลับกับหุบผาขนาดใหญ่ วาดิรัมมีประวัติศาสตร์ยาวนานว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมแห้งแล้งหาสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยากก็ตาม นอกจากนี้ในทะเลทรายวาดิรัมยังมีภาพเขียนฝาหนังของมนุษย์ยุคโบราณหลายจุด แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้น  ปัจจุบันวาดิรัมเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในจอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินและปีนเขาจะได้สัมผัสบรรยากาศของทะเลทรายแห่งนี้ ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นทะเลทรายที่สวยงามที่สุดของโลกอีกแห่งหนึ่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีชมพูอมส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่สำคัญสีของเม็ดทรายปรับเปลี่ยนตามแสงของดวงอาทิตย์อีกด้วยค่ะ


-4-

เจราช (Jerash)

เจราช

เจราช : เป็นที่ตั้งของซากปรักหักพัง โดยตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวงอัมมาน เป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกของอาณาจักรโรมัน ภายหลังมีการขุดค้นโบราณคดีในปี 1806 ทำให้พบร่องรอยอารยธรรมมากมาย ทั้งโรงมหรสพ วิหารบนเนินเขา ซุ้มประตูโค้งฮาเดรียน (Arch of Hadrian) ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 2 และสนามแข่งม้าฮิปโปดรอม (Hippodrome) หนึ่งในสนามแข่งขันในยุคโรมันที่เล็กที่สุด รวมไปถึงเสาคอรินเทียม (Corinthium) ที่ตั้งเด่นอยู่ เสาเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมอย่างมากเลยค่ะ โดยเจราชแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองโรมันที่ยังคงสภาพสถาปัตยกรรมที่ยังมีความสมบูรณ์ที่สุดในโลกอีกด้วยค่ะ


-5-

ทะเลแดง (Red Sea)

ทะเลแดง

ทะเลแดง : จอร์แดนเป็นประเทศที่มีทางออกทะเลทางตอนใต้ อยู่ติดกับ “ทะเลแดง” (Red Sea) โดยเป็นจุดที่แบ่งแยกทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกาออกจากกัน นอกจากนี้ทะเลแดงยังเป็นจุดที่ดินแดนของ 4 ประเทศมาบรรจบกัน คือ อียิปต์ อิสราเอล จอร์แดน และซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นหากได้ล่องเรือชมอ่าวอัคคาบา กับวิวทิวทัศน์ของ 4 ประเทศแล้ว ทุกท่านจะได้พบกับความสวยงามใต้ท้องทะเล ทั้งแนวปะการัง ปลาหลากหลายชนิด และซากเรือล่มในอดีตให้เพลิดเพลินผ่านเรือท้องกระจกกันด้วยค่ะ


-6-

โรงละครโรมัน (Roman Theatre)

โรงละครโรมัน

โรงละครโรมัน : โรงละครที่ใหญ่ที่สุดในอัมมานและในจอร์แดน สามารถจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และมีอายุความเก่าแก่ถึงกว่า 2,000 ปีที่ออกแบบได้อย่างดีเยี่ยม เพราะนอกจากดีไซน์ของสถาปัตยกรรมโรงละครที่ยิ่งใหญ่และน่าทึ่งแล้ว ตัวโรงละครนั้นยังสามารถก้องสะท้อนเสียงได้อย่างดี โดยที่นั่งจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ เพี่อไม่ให้แสงอาทิตย์เข้าตาผู้ชมอีกด้วยค่ะ ปัจจุบันยังใช้เป็นสถานที่เปิดการแสดงเช่นในอดีต โดยเฉพาะงานมิวสิคเฟสติวัลที่จะมีขึ้นให้ได้สนุกกันทุกปีค่ะ


-7-

วาดิมูจิบ (Wadi Mujib)

วาดิมูจิบ

วาดิมูจิบ : เป็นหุบเขาลึกตั้งอยู่เหนือแม่น้ำ Mujib มีความยาวประมาณ 70 กิโลเมตรจากทะเลทราย Hwy ถึงทะเลเดดซี ได้รับสมญานามว่า “แกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน” เนื่องจากความสวยงามของภูเขาสูงชันและมีแม่น้ำไหลผ่านตรงกลางนั่นเองค่ะ นอกจากนี้วาดิมูจิบยังเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอันเป็นที่อยู่ของสัตว์หายากหลากหลายชนิด เช่น แมวพันธุ์หายาก แพะภูเขา และสัตว์ภูเขาชนิดอื่น ๆ สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบกิจกรรมแนวการผจญภัยที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่วิ่งเทรลที่จะข้ามทั้งภูเขาและเส้นทางแม่น้ำยอดฮิตที่ห้ามพลาดอีกด้วยนะคะ


-8-

ปราสาทเครัค (Kerak Castle)

เครัค

ปราสาทเครัค : เป็นป้อมปราการสมัยสงครามครูเสด สร้างขึ้นช่วงกลางศตวรรษที่ 12 สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในการตั้งถิ่นฐานหลักของอาณาจักรโมอับโบราณในช่วงศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช ปัจจุบันมีบางส่วนได้รับการบูรณะและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ นอกจากนี้ด้านล่างของปราสาทยังเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีเครัคที่บอกเล่าถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคอิสลาม ไปจนถึงประวัติความเป็นมาของครูแซ็กซอนและชาวมุสลิม นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดนะคะ


ประเทศจอร์แดนมีฉายาว่า “Mars on Earth” หรือ “พื้นที่ดาวอังคารแห่งโลก” ด้วยนะคะ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากอยู่บนพื้นที่ทะเลทรายและพื้นที่ภูเขาหินทรายเป็นส่วนมากนั่นเองค่ะ สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ “จอร์แดน” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกน่าสนใจที่นักท่องเที่ยวสายชิคอย่างเราไม่ควรพลาดนะคะ ^^