Loading...

เที่ยวไปกับ ชิล สแควร์ ทราเวล
 เพื่อนเที่ยวเพื่อนคุณ 

Call Center : 094-545-3095

พักผ่อนหย่อนใจ.. ตีตั๋วไป "ศรีสะเกษ" กับพิกัดเด็ด 7 สถานที่เที่ยวที่คุณห้ามพลาด!

26 มิ.ย. 2563

ไทย ชมสถาปัตยกรรม, ชมธรรมชาติ, ตามรอยประวัติศาสตร์, ชมทิวทัศน์, ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นสถานที่แนะนำ

ตะลุยศรีสะเกษ จังหวัดเล็ก ๆ ในแดนอีสานใต้ แหล่งอารยธรรมโบราณขึ้นชื่อที่ไม่ได้มีดีแค่ประวัติศาสตร์ เพราะที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามบรรยากาศดีเลิศ!

จังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่และเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ ซึ่งนำเอาศิลปวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะขอมโบราณ มาหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตท้องถิ่นอีสานอย่างลงตัวและมีเอกลักษณ์โดดเด่นและน่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ แหล่งน้ำ พืชพรรณ และสัตว์ป่านานาชนิด อันเป็นทั้งสิ่งที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองมาเป็นเวลาช้านาน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและไม่ควรมองข้าม วันนี้น้องชิลจะพาทุกท่านไปชม พิกัดเด็ด 7 สถานที่เที่ยวที่คุณห้ามพลาด! เมื่อไปเยือนศรีสะเกษ จะมีที่ไหนกันบ้างนั้น? ใครพร้อมแล้ว ไปลุยกันเล้ยยย..


 ① ปราสาทปรางค์กู่

ปราสาทปรางค์กู่
ปราสาทปรางค์กู่ สร้างด้วยอิฐเรียงแผ่นโต ๆ เหมือนปราสาทศรีขรภูมิที่จังหวัดสุรินทร์

ปราสาทปรางค์กู่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ เป็นศาสนสถานที่ได้รับอิทธิพลศิลปะเขมร ลักษณะเป็นปราสาท 3 หลัง สร้างเป็นแนวเรียงหน้ากระดานจากทิศใต้ไปทิศเหนือ ตั้งอยู่บนฐานที่สร้างด้วยหินศิลาแลงทั้งหมด ถึงแม้จะเป็นปราสาทขนาดเล็ก แต่ยังคงเอกลักษณ์ความโบราณ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ตัวปราสาทมีความสมบูรณ์พอสมควร มีความโดดเด่นด้วยการนำแผ่นหินแกะสลัก คล้ายกับหน้าบันประตูวางเรียงรายหน้าปราสาท เป็นความแปลกตาที่ไม่เคยเห็นในปราสาทหินที่ใดมาก่อน

ที่ตั้ง: ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ 33170



② วัดมหาพุทธาราม

วัดมหาพุทธาราม
วัดมหาพุทธาราม
วัดมหาพุทธาราม มีวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง "หลวงพ่อโต"

วัดมหาพุทธาราม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองศรีสะเกษ ได้ชื่อว่าเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองศรีสะเกษ เนื่องจากในระหว่างการบุกเบิกพื้นที่เพื่อสร้างเมืองใหม่ ได้มีคนไปพบ "หลวงพ่อโต" ประดิษฐานอยู่ใจกลางป่าแดงโดยบังเอิญ จึงได้สร้างวัดขึ้นบริเวณที่พบองค์พระพุทธรูป และตั้งชื่อว่า "วัดพระโต" หรือ "วัดป่าแดง" กระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วัดมหาพุทธาราม" วัดมหาพุทธารามถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั้งหลาย เป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของคณะสงฆ์ ปัจจุบันวัดมหาพุทธาราม ได้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองศรีสะเกษ กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การแวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองอย่าง "หลวงพ่อโต" ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโต ภายในวัดมหาพุทธารามแห่งนี้ หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีความสูงจากฐานถึงยอดเกศ 6.85 เมตร หน้าตักกว้าง 3.50 เมตร มีลักษณะเด่นคือ พระพักตร์กลมกว้างและพระโอษฐ์หนา สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยขอมซึ่งมีอายุร่วมพันปีมาแล้ว แต่มาสร้างเพิ่มเติมขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด วิหารหลวงพ่อโตเป็นวิหารขนาดใหญ่ กว้าง 14 เมตร ยาว 40 เมตร ภายในวิหารมีความใหญ่โตโอ่โถง ผนังโดยรอบประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ดูสวยงามยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นพระวิหารที่ยิ่งใหญ่งดงาม สมดั่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง

ที่ตั้ง: 167 ถนนขุขันธ์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 33000



③ วัดพระธาตุสุพรรณหงส์

วัดพระธาตุสุพรรณหงส์

วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ อีกหนึ่งวัดสวยที่ห้ามพลาดเมื่อเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยความโดดเด่นของพระอุโบสถทรงเรือสุพรรณหงส์จำลอง ลอยอยู่กลางน้ำอย่างสวยงามแปลกตา ตัวพระอุโบสถกว้าง 5 เมตร ยาว 13.60 เมตร หลังคาทรงจัตุรมุข 3 ชั้น มียอดมณฑปกลางอุโบสถ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของศรีสะเกษ

ที่ตั้ง: หมู่บ้านหว้าน หมู่ 5 ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 33000



④ วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม

วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม
วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม

อลังการถ้ำวังบาดาล หรือ ถ้ำพญานาค วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม ความงดงามของถ้ำแห่งนี้สร้างขึ้นจากความศรัทธาในเรื่องของพญานาค ซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสวยพระชาติเป็นพญานาค ทางเจ้าอาวาสและผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างโบสถ์ ที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปคล้ายกับวังพญานาคในวรรณคดี ภายในถ้ำมีความอลังการด้วยรูปปั้นพญานาคที่อ่อนช้อยงดงาม รวมทั้งการจำลองหินงอกหินย้อย ประดับด้วยหลอดไฟหลากสี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำพญานาคใต้น้ำที่ดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ วัดป่าศรีมงคลรัตนารามเป็นวัดป่าสายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ฝ่ายธรรมยุติ ปัจจุบันมีพระภิกษุสามเณรจำพรรษา 20 รูป ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จทรงวางศิลาฤกษ์ พระมหาเจดีย์ศรีมงคลเกศแก้วมณีเศรษฐียามารามสิทธิราชบูชา ซึ่งพระครูวิจิตรวินัยคุณ เจ้าอาวาสและพุทธศาสนิกชนร่วมกันจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย รวมถึงพระเกศาธาตุและพระอัฐิธาตุของพระอรหันต์ และใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ เพื่อสืบทอดศาสนา โดยจำลองรูปแบบให้คล้ายตั้งอยู่บนเขาพระสุเมรี เป็นเจดีย์ สูง 59 เมตร รวม 5 ชั้น ชั้นที่ 1 และ 2 ใช้ประกอบศาสนกิจ ชั้นที่ 3 เป็นอุโบสถ์ สำหรับทำสังฆกรรม และเป็นพิพิธภัณฑ์มหาราช จัดแสดงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของจังหวัดศรีสะเกษ ชั้นที่ 4 บรรจุพระเกศาธาตุและพระอัฐิธาตุของพระอรหันต์ ชั้นที่ 5 บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่ตั้ง: หมู่ 8 ตําบลโคกจาน อําเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ 33120



⑤ วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว
หากความงดงามภายในโบสถ์คืองานกระจกโมเสค ถ้าเช่นนั้นความงดงามของงานโมเสคอีกมุมก็คงต้องยกให้วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดล้านขวด" ที่ได้ชื่อนี้มาก็เพราะสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูทางเข้า ลานจอดรถ โบสถ์ ศาลา หอระฆัง กุฏิ หรือแม้แต่ห้องน้ำ ต่างถูกประดับประดาด้วยขวดแก้วหลากสีหลายแบบรวมกันกว่าล้านใบ ซึ่งความคิดเช่นนี้ไม่ได้เป็นของนักออกแบบหรือศิลปินท่านใด แต่มาจากพระภิกษุรูปหนึ่ง นามว่า "พระครูวิเวกธรรมาจารย์" หรือ "หลวงปู่ลอด" ที่ครั้งหนึ่งได้เข้าไปพักปักกลดในป่าช้าหนองใหญ่ (ที่ตั้งวัดล้านขวดในปัจจุบัน) โดยในระหว่างนั้นมีญาติโยมและชาวบ้านแวะเวียนมาปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ทำให้หลวงปู่เกิดความคิดที่จะสร้างวัดขึ้นบนพื้นที่ป่าช้าแห่งนี้ แต่เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงมีขยะจำพวกขวดอยู่มาก ซึ่งท่านเห็นว่าขวดเหล่านั้นมีสีต่าง ๆ สามารถนำไปตกแต่งอาคารได้อย่างสวยงาม และยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าสี ค่ากระเบื้องได้อีกด้วย หลวงปู่จึงทำการรวบรวมขวดจากหมู่บ้านในละแวกวัด และจากหมู่บ้านใกล้เคียง นำมาสร้างกุฏิหลังแรก ต่อมาเมื่อวัดล้านขวดเป็นที่รู้จักทั่วไป คนในจังหวัดใกล้เคียงก็ได้หลั่งไหลเข้ามาสู่วัด โดยต่างคนต่างก็นำขวดติดไม้ติดรถมาบริจาคด้วย จากนั้นอาคารต่าง ๆ ก็ได้ทยอยถูกสร้างขึ้น กระทั่งวัดล้านขวดกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์ดังเช่นในปัจจุบัน ด้วยความแปลกใหม่ของวัสดุที่ใช้ตกแต่งอาคารสถานที่ ทำให้วัดป่ามหาเจดีย์แก้วกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่เดินทางมาเที่ยวเป็นครั้งแรกคงจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เมื่อได้พบเห็นสิ่งปลูกสร้างรอบตัวถูกประดับประดาด้วยขวดแก้วหลากสีสันโดยเฉพาะ ศาลาฐานสโมสรเจดีย์แก้ว และ สิมน้ำ ซึ่งงดงามอลังการด้วยขวดจำนวนนับแสนใบ ที่นี่นอกจากจะได้ชื่นชมศิลปะการสลับสีขวดเป็นลวดลายต่าง ๆ บนอาคารแล้ว ผู้มาเยือนยังจะได้ทึ่งกับความคิดในการนำฝาขวดมาปะติดจนได้ภาพพุทธประวัติที่ไม่เหมือนที่ใดอีกด้วย

ที่ตั้ง: ตำบลสิ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ 33150



⑥ ผามออีแดง

ผามออีแดง
ผามออีแดงนี้เป็นจุดชมวิวทัศนียภาพที่รายล้อมไปด้วยเมฆหมอก โอบล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่
ภาพเทพ 3 องค์
ภาพสลักนูนต่ำเทพ 3 องค์ขนาดเท่าคนจริง อายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี อยู่บริเวณหน้าผาใต้มออีแดง

ผามออีแดง เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นผืนป่าเขียวขจีได้ไกลสุดสายตา ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นอุทยานฯ ลำดับที่ 83 ของประเทศไทย บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 2 จังหวัดด้วยกัน นั่นคือ จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงและเนินเขา ปกคลุมด้วยผืนป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด อุทยานฯ แห่งนี้นอกจากจะมีทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสำคัญอีกหลายแห่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110



⑦ น้ำตกสำโรงเกียรติ

น้ำตกสำโรงเกียรติ หรือ น้ำตกปีศาจ
น้ำตกสำโรงเกียรติ หรือ น้ำตกปีศาจ น้ำจะไหลจากหน้าผาสูงลดหลั่นกันลงไปอีกเป็นชั้น ๆ

น้ำตกสำโรงเกียรติ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก น้ำตกสำโรงเกียรติ เดิมชื่อว่า "น้ำตกปีศาจ" ซึ่งตั้งตามชื่อหน่วยทหารพรานที่มีสมญานามว่า "หน่วยปีศาจ" ซึ่งได้ใช้น้ำตกแห่งนี้เป็นที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการ เมื่อมีการปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกปีศาจก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "น้ำตกสำโรงเกียรติ" ตามชื่อหมู่บ้านนับแต่บัดนั้น น้ำตกสำโรงเกียรติมีต้นกำเนิดจากภูเขากันทุง บนเทือกเขาบรรทัด เป็นน้ำตกขนาดกลาง ตกจากหน้าผาสูง 8 เมตร ลักษณะอันโดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ ที่ด้านบนของน้ำตกจะเป็นธารน้ำซึ่งไหลไปตาม ลานหิน ดูสวยงามมากโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน สำหรับบรรยากาศโดยรอบน้ำตกนั้นร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ เหมาะแก่การทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวคือ ตั้งแต่เดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี

ที่ตั้ง : หมู่ 5 บ้านสำโรงเกียรติ ถนนขุนหาญ-น้ำตกสำโรงเกียรติ ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ 33150


เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับ พิกัดเด็ด 7 สถานที่เที่ยวที่คุณห้ามพลาด! เมื่อไปเยือนศรีสะเกษ ที่น้องชิลนำมาฝากทุกท่านกันในวันนี้ และนี่ก็เป็นเพียงแค่ไฮไลท์สถานที่เที่ยวส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษนี้ก็ยังที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากมาย ถ้าใครมีเเพลนจะมาเที่ยวอีสานใต้ ก็อย่าลืมแวะเช็คอิน 7 สถานที่ ตามรอยประวัติศาสตร์ ชมความงามธรรมชาติกันนะคะ


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Amazing Thailand, Thailand Tourism Directory