1. กรุงออสโล (Oslo)

กรุงออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางสากลที่มีสถาปัตยกรรมระดับโลก พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย ในฐานะหนึ่งในเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดของยุโรปในทศวรรษนี้ ออสโลกำลังคึกคักไปกับแหล่งพลังงานใหม่ ฉากอาหารที่ล้ำสมัย ไปจนถึงฉากแฟชั่นและศิลปะ ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของเมืองให้มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น จนได้รับรางวัล European Green Capital 2019 จากความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติและลดมลภาวะ เมืองที่คับคั่งแต่ง่ายและปลอดภัยต่อการสำรวจด้วยการเดินเท้าหรือขี่จักรยาน และด้วยการจัดระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทั้งเมืองสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องใช้รถยนต์อีกด้วย

2. ทรอมโซ (Tromsø)

ทรอมโซ (Tromsø) จุดเริ่มต้นของการผจญภัย ทรอมโซเป็นเมืองหลวงของทวีปอาร์กติก ตั้งอยู่ทางเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล 350 กิโลเมตร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ตอนเหนือ ในช่วงตั้งแต่เดือนกันยายน-เดือนมีนาคม เหล่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมาที่นี่เพื่อดูแสงเหนือ และในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม-สิ้นเดือนกรกฎาคมก็จะมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้ทรอมโซสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่า ตกปลา พายเรือคายัค และซาฟารีวาฬ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เทศกาลประจำปี Tromsø International Film Festival และ Northern Light Festival ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งทรอมโซยังมีชื่อเสียงในเรื่องสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวา และร้านอาหารที่มีความเชี่ยวชาญในส่วนผสมสดใหม่ของอาร์กติกอีกด้วย เรียกได้ว่าเมืองนี้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างแน่นอนค่ะ

3. โลโฟเทน (Lofoten)

โลโฟเทน (Lofoten) เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่เหนืออาร์กติกเซอร์เคิล พาดผ่านน่านน้ำอันเชี่ยวกรากของทะเลนอร์เวย์ ถึงแม้ว่าจะเป็นถิ่นทุรกันดาร แต่ที่แห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่ไม่เคยถูกทำลาย ภูเขาอันสง่างาม ฟยอร์ดที่ลึก ฝูงนกทะเล และชายหาดที่ทอดยาวเป็นแนว นอกเหนือจากการมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานแก่ผู้มาเยือนแล้ว ยังต้องอนุรักษ์ธรรมชาติวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เสริมสร้างค่านิยมทางสังคมและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เทศบาล และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับรองว่าจุดหมายปลายทางเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมทั้งสำหรับการอยู่อาศัยและเยี่ยมชม หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ทางธรรมชาติที่น่าจดจำโลโฟเทน จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลายคุณสามารถไปปีนเขา เล่นสกี ตกปลา ล่องแพในมหาสมุทร หรือดำน้ำลึก โลโฟเทนยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางเหนือสุดของโลกสำหรับการโต้คลื่นและเป็นหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดในนอร์เวย์ เนื่องจากมีกระแสน้ำอุ่นในอ่าวกัลฟ์ ทำให้โลโฟเทนมีสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงน้อยกว่าส่วนอื่นๆ ของโลกในละติจูดเดียวกัน ซึ่งในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกรกฎาคมคุณจะได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเที่ยงคืน ในขณะที่แสงเหนือสามารถดูได้ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงกลางเดือนเมษายน

4. เบอร์เกน (Bergen)

เบอร์เกน (Bergen) ท่องไปในประวัติศาสตร์เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงาม ดื่มด่ำกับอาหารชั้นเลิศ และชมฟยอร์ดที่สวยงามที่สุดในโลก แม้ว่าเบอร์เกนเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของนอร์เวย์ แต่ก็มีกลิ่นอายของเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก และบรรยากาศอันบริสุทธิ์ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาถึง 7 ลูก สถาปัตยกรรมไม้เก่าแก่และถนนแคบๆ เต็มไปด้วยร้านกาแฟและร้านค้าที่สะดวกสบาย หากคุณต้องการที่จะสำรวจเบอร์เกนดังนั้นต้องแน่ใจว่าคุณมีเวลาเพียงพอ ให้ท่านได้เพลิดเพลินไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก

5. ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)

ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันงดงาม น้ำตกธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยม่านหมอกโดยไม่มีสิ้นสุด พืชพรรณอันเขียวชอุ่ม และสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้าเป็นแนวอันสวยงาม พร้อมแล้วที่จะให้คุณออกไปสำรวจกับธรรมชาติอันน่าทึ่งนี้ สำหรับคนที่รักธรรมชาติไกแรงเกอร์ฟยอร์ด มีสิ่งให้คุณเลือกมากมาย สัมผัสกับฟยอร์ดและน้ำตกจากทริปท่องเที่ยว เดินป่าในสภาพแวดล้อมที่สวยงาม หรือสัมผัสฟยอร์ดจากมุมมองใหม่ในเรือคายัค อีกทั้งยังมีกิจกรรมยอดนิยมอื่นๆ ได้แก่ การตกปลา ล่องแพ และขี่จักรยาน นอกเหนือจากการมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานให้กับผู้มาเยือนไกแรงเกอร์ฟยอร์ด ยังต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เสริมสร้างคุณค่าทางสังคม และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เทศบาล และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อรับรองว่าจุดหมายปลายทางเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมทั้งสำหรับการอยู่อาศัยและเยี่ยมชม

6. สตาวังเงร์ (Stavanger)

สตาวังเงร์ (Stavanger) เมืองที่ล้อมรอบด้วยฟยอร์ดที่สวยงาม ภูเขา และหาดทรายขาวยาว สตาวังเงร์ยังมีพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่น่าประทับใจมากมาย สตาวังเงร์มีชื่อเสียงในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นทั้งเมืองมหาวิทยาลัย เมืองหลวงด้านน้ำมันและพลังงานของยุโรป นักท่องเที่ยวต่างถูกดึงดูดให้มาเยือน ณ สถานที่แห่งนี้ แม้ว่าสตาวังเงร์จะเป็นเมืองที่มีการพัฒนาตลอดเวลา แต่ประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจของเมืองก็ยังคงส่องประกายและได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นในบรรยากาศของเมืองที่มีชีวิตชีวา ความเจิญและทันสมัยด้านอาหาร และความเฟื่องฟูทางวัฒนธรรมในตาวังเงร์

7. ทรอนด์ไฮม์และทรุนเดลัก (Trondheim and Trøndelag)

ทรอนด์ไฮม์ (Trondheim) สัมผัสมนต์เสน่ห์ในเมืองใหญ่อันดับสามอันมีชีวิตชีวาของ ทรอนด์ไฮม์เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของ ทรุนเดลัก (Trøndelag) ไฮไลท์ของเมืองสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่แห่งนี้มีมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ประจำชาตินอร์เวย์ซึ่งภาพที่น่าประทับใจ พิพิธภัณฑ์ยอดนิยมที่มีการจัดนิทรรศการที่น่าตื่นเต้น คุณสามารถเพลิดเพลินกับร้านค้าอิสระมากมายที่ขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่คุณจะพบได้เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น ทรอนด์ไฮม์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับอาหารท้องถิ่นมากที่สุด ดื่มด่ำกับประสบการณ์อาหารที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ร้านอาหารระดับมิชลินไปจนถึงร้านกาแฟเล็กๆ สัมผัสวิถีชีวิตในชนบทที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสแกนดิเนเวียนที่ทันสมัยเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับแรงบันดาลใจ

8. คริสเตียนแซนด์ (Kristiansand)

คริสเตียนแซนด์ (Kristiansand) เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ทางตอนใต้ของนอร์เวย์! เมืองที่มีต้นปาล์มบนชายหาดสีขาวละเอียดและล้อมรอบด้วยเกาะนับพัน เริ่มต้นการสำรวจท่าเรือประมงเก่าแก่ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้กลายเป็นพื้นที่ร้านอาหารที่มีชีวิตชีวา ผู้ชื่นชอบศิลปะสามารถเที่ยวชมบรรยากาศเมืองที่เจ๋งของเมืองด้วยคอลเล็กชั่นศิลปะบนท้องถนนที่หลากหลาย สัมผัสทิวทัศน์อันเงียบสงบและงดงามพร้อมทิวทัศน์มุมกว้างเหนือหมู่เกาะในคริสเตียนแซนด์ ชีวิตสนุกสนานในวันที่อากาศแจ่มใส นอกจากนี้คริสเตียนแซนด์ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสงครามอีกด้วย

9. เกโล (Geilo)

เกโล (Geilo) เมืองที่ตั้งอยู่บนเขาท่ามกลางความสดใสของธรรมชาติ ใจกลางระหว่างเบอร์เกนและออสโล เริ่มต้นด้วยการเยี่ยมชมเกโลเพื่อดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์ ในช่วงฤดูหนาวเมืองแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่รักการเล่นสกี ส่วนในฤดูร้อนจะกลายเป็นที่รวมของนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชมความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ กลุ่มนักเดินข้ามเขา กลุ่มนักตกปลา และกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ นี่คือสถานที่แห่งความสุขอันบริสุทธิ์พร้อมด้วยทิวทัศน์อันมีค่าของป่าโดยรอบ และยังเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอีกด้วย

10. หมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard Islands)

หมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard Islands) หมู่เกาะสวาลบาร์ดตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกครึ่งทางระหว่างนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ "สวาลบาร์ด" หมายถึง "ชายฝั่งเย็น" และถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในตำราของไอซ์แลนด์ อย่างไรก็ตามหมู่เกาะมีสภาพภูมิอากาศที่ไม่ค่อยหนาวเย็นมากนักเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ในละติจูดเดียวกัน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -14 °C ในช่วงฤดูหนาว และ 6 °C ในช่วงฤดูร้อน ที่นี่คุณจะพบกับอาร์กติกที่ยังไม่ถูกทำลายและสัตว์ป่าที่ไม่เหมือนที่ไหนในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น สวาลบาร์ดดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน สัตว์ป่าที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอาร์กติก และเมืองขุดเก่าล้วนอยู่บนเกาะซึ่งมีความงดงามและน่ากลัว ลองเยียร์เบียนคือศูนย์กลางการปกครองและการตั้งถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดของเกาะ ชุมชนขนาดเล็กที่มีสีสันแห่งนี้ แตกต่างจากเมืองหมู่บ้านทั่วไปที่มีชุมชนทันสมัย มีธุรกิจและอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท รวมถึงกิจกรรมและโอกาสทางวัฒนธรรมที่น่าประหลาดใจ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? กับ 10 อันดับสถานที่ยอดนิยม ที่คุณไม่ควรพลาด!! ในนอร์เวย์ ที่น้องชิลได้นำข้อมูลมาฝากทุกท่านกันในวันนี้ นี่เป็นเพียงสถานที่ยอดนิยมบางส่วนเท่านั้น พร้อมที่จะออกไปสัมผัสโลกกว้างอันน่าตื่นตากันแล้วหรือยังคะ หากใครที่กำลังมีแพลนไปท่องเที่ยวนอร์เวย์ในเร็วๆ นี้ล่ะก็ เพียงแค่จองทัวร์นอร์เวย์กับน้องชิล รับรองได้ว่า เที่ยวฟินๆ บินดี กินดี อยู่ดี แน่นอนค่า พร้อมติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นเด็ดในแต่ละเดือนที่คุณไม่ควรพลาด !!