Loading...

เที่ยวไปกับ ชิล สแควร์ ทราเวล
 เพื่อนเที่ยวเพื่อนคุณ 

Call Center : 094-545-3095

เยือนดินแดนแห่งศรัทธา เที่ยวพม่า.. ตามรอย "อกเกือบหักหลงรักคุณสามี"

20 พ.ค. 2563

พม่า สถานที่แนะนำ

แรงไม่หยุด.. ฉุดไม่อยู่ !! สำหรับละครเรื่อง อกเกือบหัก.. แอบรักคุณสามี (My Husband in Law) ที่กำลังออนแอร์อยู่ทางช่อง 3 ในขณะนี้ การันตีกระแสดังด้วยเรตติ้งในประเทศไทยพุ่งแรงสูงสุดถึง 4.5 พร้อมทั้งติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ทุกตอนที่ออกอากาศ เรียกว่าเป็นละครที่ได้การตอบรับดีจนติดเทรนด์บนโซเชียลมีเดียทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอีพีล่าสุด ที่ทำให้น้องชิลอยากจะจัดทริปตามรอยพี่เทียน-น้องเมยกันเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งในแต่ละฉากก็เต็มไปด้วยความสวยงามของบ้านเมืองในประเทศพม่า จนอยากบอกว่า "หมดโควิดเมื่อไหร่.. ไว้เจอกัน"

อกเกือบหัก.. แอบรักคุณสามี (My Husband in Law) เป็นละครแนวรักโรแมนติก คอมเมดี้ ผลงานล่าสุดของผู้จัดฯ ที่มากด้วยฝีมืออย่าง แอน ทองประสม และผู้กำกับดีกรีเจ้าของรางวัลนาฏราช สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมอย่าง อำไพพร จิตต์ไม่งง นอกจากนี้ยังได้นักแสดงนำอย่าง หมาก ปริญ และ มิว นิษฐา มาเรียกเรตติ้งอีกด้วย  ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรก และละครเรื่องนี้ยังได้รวบรวมนักแสดงสมทบฝีมือดีไว้อีกมากมาย โดยมีเนื้อเรื่องที่ชวนฟินจิกหมอน เมื่อมัณฑนากรสาวอย่าง เมย (มิว นิษฐา) ได้แต่งงานกับ เธียร (หมาก ปริญ) สถาปนิกหนุ่มที่ตัวเองแอบหลงรักมานาน แต่การแต่งงานครั้งนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอฝันไว้ เพราะมันเป็นเพียงแค่การแต่งงานเพื่อปกปิดเรื่องราวบางอย่าง และเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติของเขา ภารกิจพิชิตใจหนุ่มในฝันของเมยจึงเริ่มต้นขึ้น แม้ว่าความลับเรื่องการแต่งงานก็ต้องปกปิด แต่ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นก็เกินห้ามใจ จึงเกิดเป็นเรื่องราวความรักวุ่น ๆ ที่คนหนึ่งรักมากเกินไป อีกคนก็ไม่เคยสนใจ เมยจึงต้องเปิดเกมรุกเดินหน้าจีบสามีของตัวเองที่มองเธอเป็นแค่น้องสาวร่วมโลก และพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจเขา เพื่อให้เขาหันมารักเธอแบบเต็มหัวใจ


อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมาก นั่นก็คือโลเคชันที่ทางทีมงานยกกองไปถ่ายทำกันถึงที่ประเทศพม่าค่ะ และในวันนี้น้องชิลจะพาทุกท่านไปตามรอยโลเคชันจากละครกันค่ะ ว่าจะมีสถานที่ไหนกันบ้าง และสวยงามเพียงใด ตามมาดูกันเล้ยยย.. ~


เมืองย่างกุ้ง (Yangon)

เมืองย่างกุ้ง (Yangon) เป็นเมืองใหญ่และมีความสำคัญมากที่สุดของพระเทศพม่า เนื่องจากในอดีตย่างกุ้งเคยเป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ และแหล่งธุรกิจที่สำคัญของประเทศพม่า ย่างกุ้งนี้ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำอิระวดี ชื่อเดิมของเมืองนี้คือดากอง เป็นเมืองเก่าแก่ที่ตั้งขึ้นมานานกว่า 2,500 ปี โดยเริ่มแรกนั้นเป็นเมืองท่าของอาณาจักรมอญต่อมากษัตริย์อลองพญาได้เข้ามายึดครอง แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นย่างกุ้งในปี ค.ศ. 1755 ซึ่งมีความหมายว่า "ศัตรูพ่ายแพ้" กรุงย่างกุ้งนั้นไม่เหมือนเมืองใหญ่ ๆ ของประเทศอื่น ๆ ในเอเชียทั่ว ๆ ไป ที่มีแต่ความวุ่นวายของปัญหาการจราจร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการวางผังเมืองที่ดีของอังกฤษชาติอาณานิคมที่ได้เคยปกครองประเทศพม่า แต่อีกสาเหตุหนึ่งคือประเทศพม่านั้นยังเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่การพัฒนาแบบทุนนิยมรถยนต์จึงมีไม่มากนัก สภาพบ้านเมืองโดยทั่วไปมีรูปแบบของสไตล์โคโลเนียลเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น อีกทั้งยังมีการผสมผสานกับรูปแบบของสภาพบ้านเมืองเก่าแก่ไว้อย่างลงตัวอีกด้วย


• พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)

Shwedagon Pagoda_01
Shwedagon Pagoda_02
Shwedagon Pagoda_02

พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยปี เดิมเป็นดินแดนของมอญมีชื่อเดิมว่าดากอง หรือตะเกิง ก่อนจะถูกพม่ายึดครองไปแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นย่างกุ้ง ชเวดากอง จึงแปลว่า "เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง" ซึ่งเป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาล โดยเฉพาะมีโบราณราชประเพณีที่กษัตริย์จะขึ้นครองราชบัลลังก์ จะต้องถวายทองคำหนักเท่ากับน้ำหนักของพระองค์เอง องค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดมีน้ำหนัก 23 ตัน ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น และเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้ง 3 พระองค์ คือ พระกกุสันธะพุทธเจ้า, พระโกนาคมนะพุทธเจ้า และพระกัสสปะพุทธเจ้า บนยอดประดับด้วยเพชรพลอย และอัญมณีต่าง ๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอด บริเวณรอบเจดีย์ท่านจะได้ชมความงามของวิหาร 4 ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาทซ้อนเป็นชั้น ๆ งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น สถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐาน จุดที่พระเจ้าบุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและเป็นสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมี พระประจำวันเกิด ประดิษฐานทั้ง 8 ทิศ รวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต การบูชาคือท่านเกิดวันใด ก็ให้ไปบูชาและสรงน้ำที่บริเวณนั้น ๆ ตามตำแหน่งทั้ง 4 คือ 1) ที่องค์พระ, 2) ที่องค์เทวดา, 3) ที่เสา, 4) ที่สัตว์สัญลักษณ์ ในเวลาพลบค่ำสามารถชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรได้ โดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเขียว, สีเหลือง, สีแดง เป็นต้น

* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต


• วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Chauk Htat Gyi Buddha Temple)

Chauk Htat Gyi Buddha Temple_01
Chauk Htat Gyi Buddha Temple_02
Chauk Htat Gyi Buddha Temple_03

วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Chauk Htat Gyi Buddha Temple) พระนอนที่มีความสวยงายที่สุดและดวงตาสวยที่สุดของประเทศพม่า ที่บริเวณพระบาทมีภาพวาดรูปสรรพสิ่ง อันล้วนเป็นมิ่งมงคลสูงสุด ประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักรข้างละองค์ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาท และล้อมด้วยรูปอัฎจุตรสตกมงคล 108 ประการ พระบาทมีลักษณะซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย


เมืองพุกาม (Bagan)

เมืองพุกาม (Bagan) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็น "เมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์" ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่อารยธรรมของประเทศ

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด!! เมื่อมาเยือนเมืองพุกาม

นั่งบอลลูน
นั่งรถม้า
  • นั่งบอลลูนชมทัศนียภาพอันงดงามของทุ่งทะเลเจดีย์ 4,000 องค์ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์เมืองหลวงเก่า
  • เพลิดเพลินด้วยการนั่งรถม้าชมเมืองทะเลเจดีย์ที่สวยงาม และหมู่บ้านเก่าแก่เมืองพุกาม ที่ยังคงวิถีที่วิตที่เรียบง่าย


• พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda)

Shwezigon Pagoda_01
Shwezigon Pagoda_02
Shwezigon Pagoda_03

พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) คำว่า ชเวสิกอง นั้นมีความหมายว่า "เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ" สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมายังเมืองพุกาม และได้กวาดต้อนชาวบ้านรวมทั้งกษัตริย์มอญให้มาเป็นเชลยศึกที่พุกาม เจดีย์ชเวสิกองสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิทธา เมื่อปี ค.ศ. 1113 ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญมาจากลังกาบนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธาได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใดจะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่ารัดอก แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออกมีหลุมขนาดเล็กเรียกว่า หลุมสมดุลเจดีย์ ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ ชาวพม่าเล่าขานว่าที่หลุมนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว โดยช่างสมัยโบราณใช้ดูสมดุลไม่ให้เจดีย์เอียงขณะก่อสร้าง และบ้างก็ว่าเพราะเจดีย์มีความสูงมาก จึงต้องทำหลุมไว้ให้พระมหากษัตริย์เสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกุศล ได้ทอดพระเนตรยอดเจดีย์ได้ชัดเจน อีกทั้งอาการที่ต้องคุกเข่าดู ก็เป็นการแสดงความคารวะพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต


• วัดอนันดา (Ananda Temple)

Ananda Temple_01
Ananda Temple_02
Ananda Temple_03

วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ลักษณะวัดในอินเดีย ถวายพระเจ้าจันสิทธา พระองค์พอพระทัยมาก และโปรดเกล้าให้สร้างวัดขึ้นตามลักษณะที่พระอรหันต์พรรณนา แล้วตั้งชื่อว่า วัดอนันดา ตามชื่อถ้ำที่อยู่ของพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้น วิหารแห่งนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใหญ่โต สูงสง่า มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน แต่ละช่องประดิษฐานอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 4 องค์ ได้แก่ 1) พระกกุสันธะ ในทิศเหนือ 2) พระโกนาคมน์ ในทิศตะวันออก 3) พระกัสสปะ ในทิศใต้ 4) พระสมณโคดม ในทิศตะวันตก โดยพระแต่ละองค์สูงกว่า 10 เมตร สีทองอลังการสวยงามมาก โดยเฉพาะองค์พระกัสสปะจะมีลักษณะพิเศษอีกอย่างคือ เวลายืนไกล ๆ จะเห็นองค์พระยิ้ม แต่ว่าพอเดินเข้ามาใกล้ ๆ จะกลายเป็นหน้าบึ้งแทน และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ทำให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์


• วัดทิโลมินโล (Htilominlo temple)

Ananda Temple_02
Htilominlo temple_02
Htilominlo temple_03

วัดทิโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแผ่นดิน ขอให้เกิดนิมิตให้เห็นปรากฏ ขณะนั้นองค์เศวตฉัตรได้โน้มไปทางราชบุตรน้อยนามว่า เจ้าชัยสังข์ จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เจ้าพี่ทั้ง 4 องค์ก็ยินยอมด้วยดีและได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมา ทรงพระนามว่า พระเจ้านันตองมยา แต่ในพงศาวดารพม่ามักเรียกว่า พระเจ้าทิโลมินโล ซึ่งมีความหมายว่า เอาฉัตรตั้งกษัตริย์ พระเจ้าทิโลมินโลได้ทรงสร้างวัดขึ้นตรงที่ประกอบพิธีตั้งเศวตฉัตรเสี่ยงทาย อันเป็นที่ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทจึงเรียกชื่อวัดว่า วัดทิโลมินโล อย่างไรก็ตามนักปราชญ์ชาวพม่าบางรายตีความว่า ทิโลมินโล อาจเพี้ยนเสียงมาจาก ไตรโลกมงคล หรือ ผู้ได้รับพรอันเป็นมงคลจากสามโลก เป็นวัดที่สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ อาจหมายถึงอดีตพระพุทธเจ้า เป็นวิหาร 2 ชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ และลวดลายปูนปั้นอันประณีตสวยงาม วิหารแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิหารองค์สุดท้ายที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม


เมืองยองชเว (Nyaungshwe)

เมืองยองชเว (Nyaungshwe) มีพื้นที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงตองจี หรือ ตองยี (Taunggyi) ประมาณ 20 กิโลเมตร ภายใต้เขตพื้นที่ของรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด และมีประชากรมากที่สุดของประเทศพม่าคือรัฐฉาน ประเทศพม่า


• ทะเลสาบอินเล (Inle Lake)

Inle Lake_01
Inle Lake_02
Inle Lake_03

ทะเลสาบอินเล (Inle Lake) ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐฉาน โอบล้อมอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่สวยงาม มีพื้นที่ 158 ตร กม อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 875 เมตร ความยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 32 กม กว้าง 5 กม เกิดจากลำธารหลายสายที่ไหลมาจากเทือกเขาที่ทอดขนานไปทั้งทางทิศตะวันตกและตะวันออก มีน้ำไหลจากทะเลสาบไปลงแม่น้ำสาละวิน รอบทะเลสาบเป็นที่ตั้งของชุมชนกลางน้ำขนาดใหญ่ มีชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มากกว่า 200 แห่ง นานนับร้อยปี เรียกตัวเองว่า ชาวอินทา วิถีชีวิตของชาวอินทามีเสน่ห์อยู่ที่ความเรียบง่าย ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ประมง หัตถกรรมทำมือขนาดเล็ก เช่น การทอผ้า ตีเหล็ก มวนบุหรี่ และอีกส่วนหนึ่งก็มีรายได้มาจากการบริการท่องเที่ยว


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ โลเคชันตามรอย "อกเกือบหักหลงรักคุณสามี" ที่น้องชิลได้รวบรวมมา เรียกได้ว่ากระแสนั้นดีเกินคาดจริง ๆ ค่ะ บอกได้เลยว่าอัดแน่นและจัดเต็มทุกฉากทุกสถานที่จริง ๆ ค่ะ และนี่ก็เป็นเพียงบางส่วน หากมีที่ไหนอัพเดทเพิ่มเติมน้องชิลจะลงรายละเอียดไว้ให้นะคะ ส่วนใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวที่ประเทศพม่าแล้วล่ะก็ห้ามพลาดเด็ดขาด !! เพียงแค่จองทัวร์พม่ากับน้องชิล รับรองว่าได้ไปตามรอยแบบฟิน ๆ กิน! เที่ยว! คุ้ม! แน่นอนค่า