ประเทศพม่า เป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่นักท่องเที่ยวปักหมุดต้องไปให้ได้ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา จึงมีวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมาย นักท่องเที่ยวจึงนิยมไปกราบไหว้ ขอพร เสริมดวง กันเป็นจำนวนมาก และวันนี้น้องชิลก็จะมาแนะนำสถานที่ไหว้พระที่พม่า กับ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คุณไม่ควรพลาด !! มาฝากกันค่ะ

• การเตรียมตัวก่อนการเดินทางไปสู่ประเทศพม่า
• 5 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศพม่า
• เรียนรู้ภาษาพม่า!!!

1. เจดีย์ไจ๊เข้า (Kyaik Khauk Pagoda)

เจดีย์ที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของพม่า เจดีย์ไจ๊เข้า (Kyaik Khauk Pagoda) ถือได้ว่าเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของสิเรียม และยังมีเทพทันใจไจ๊เข้าซึ่งบอกเลยว่าองค์นี้แหละค่ะคือหัวหน้าเทพทันใจในย่างกุ้งอย่างแท้จริง เพราะที่การจะสร้างเทพทันใจขึ้นมาใหม่นั้นจะต้องมาบวงสรวงขออนุญาตที่นี้ก่อน ใครที่อยากได้งานใหญ่ เงินเยอะ ให้มาสักการะเทพทันใจไจ๊เข้าแห่งนี้ ทั้งชาวพม่าและชาวไทยจึงมาไหว้ขอพรเรื่องงานและความสำเร็จกันมากมาย โดยเฉพาะเหล่าดาราชื่อดังของไทยที่นิยมไปกราบไหว้เสริมสิริมงคล เสริมชื่อเสียงบารมีกันอย่างล้นหลาม

2. เจดีย์เยเลพญา หรือ เจดีย์กลางน้ำ (Kyauktan Yele Pagoda)

มาต่อกันที่ เจดีย์เยเลพญา หรือ เจดีย์กลางน้ำ (Kyauktan Yele Pagoda) หรือที่คนพม่าเรียกว่า "เจ๊าตันเยเลพญา" เป็นวัดเจดีย์บนเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำหงสาและแม่น้ำย่างกุ้ง ตามตำนานเล่าว่า เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยมอญเรืองอำนาจเมื่อราวพันกว่าปีก่อน โดยมีคหบดีชาวมอญเป็นผู้สร้างและยังได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าน้ำท่วมก็ขออย่าให้ท่วมองค์พระเจดีย์ ถ้ามีผู้คนมากราบไหว้จำนวนมากเท่าไหร่ก็ขอให้ไม่มีวันเต็มล้นพื้นที่ ตามความเชื่อแล้ว เจดีย์เยเลพญา เป็นเจดีย์ยอดฮิตของพ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจทั้งหลาย เพราะเชื่อกันว่าหากใครได้มีโอกาสมาขอพรที่เจดีย์แห่งนี้จะทำให้การค้ารุ่งเรื่อง อีกทั้งภายในเจดีย์ยังมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยอายุนับพันปีประดิษฐานอยู่ ทำจากหินอ่อนปิดทองอร่ามองค์ งดงามเป็นอย่างมาก แต่หนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่ต้องมาสักการะคือ พระอุปคุต โดยวิหารของพระอุปคุตถูกสร้างยื่นออกมาจากเกาะเล็กน้อย เพื่อให้อยู่ใจกลางน้ำจริง ๆ อีกทั้งเป็นพื้นที่สำหรับให้อาหารปลาอีกด้วย

3. เจดีย์โบตาทาวน์ (Botataung Pagoda)

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญในพม่าอีกแห่งหนึ่ง เจดีย์โบตาทาวน์ (Botataung Pagoda) ชื่อของเจดีย์โบตาทาวน์นั้น หมายถึง ทหาร 1,000 นาย ตำนานเล่าว่า เมื่อประมาณสองพันปีที่แล้ว พระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์แห่งมอญ ได้อัญเชิญพระเกศาธาตุจากประเทศอินเดีย จำนวน 8 เส้น มาทางเรือ และมาประดิษฐานไว้ชั่วคราว ณ เจดีย์แห่งนี้ ระหว่างที่เจดีย์ชเวดากองยังก่อสร้างไม่เสร็จ โดยในครั้งนั้นพระเจ้าโอกะลาปะ ได้ทรงมีบัญชาให้นำทหาร 1,000 นาย ตั้งแถวรับเสด็จพระบรมเกศาธาตุ ขณะนำขึ้นจากเรือมายังเจดีย์ เนื่องด้วยผลจากความเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง ทำให้เจดีย์แห่งนี้ได้มีการบูรณะซ่อมแซม ปรากฎว่า พบของมีค่าหลายอย่างภายในเจดีย์ จึงสร้างโครงสร้างใหม่โดยให้ฐานเจดีย์มีช่องซิกแซกคล้ายเขาวงกต ภายในสีทองอร่ามสวยงาม และนำวัตถุโบราณจัดแสดง อีกทั้งนำพระเกศาธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใสใจกลางเจดีย์อีกด้วย

นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังเป็นที่ประดิษฐานของ เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี เทพศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวพม่า ซึ่งชาวพม่ามีความเชื่อกันว่า ไม่ว่าจะสร้างเจดีย์ใด ๆ ที่ไหนก็ตาม จักต้องมีเทพคอยคุ้มครองดูแลเจดีย์ และแน่นอน !! เทพทันใจแห่งนี้ คือเทพที่คุ้มครองเจดีย์โบตาทาวน์ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะใครที่มาสักการะ ขอพรแล้ว จะทำให้สมปรารถนารวดเร็วทันใจ นั่นเอง !!

วิธีสักการะเทพทันใจ หากนักท่องเที่ยวต้องการสักการะเทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการเรื่องของสักการะอยู่บริเวณด้านหน้าของวัด ส่วนของไหว้บูชานั้นจะประกอบไปด้วย มะพร้าว กล้วยนากสีแดง ใบชัยชนะ ร่มฉัตรกระดาษ ผ้าคล้องคอ ดอกไม้ อีกทั้งยังมี ธนบัตรจำนวน 2 ใบ สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยมสักการะเทพทันใจ วิธีสักการะ ม้วนธนบัตรเป็นทรงกรวยซ้อนกัน 2 ชั้น สอดเข้าไปในมือของเทพทันใจ จากนั้นนำหน้าผากของท่านมาแตะที่นิ้วชี้ของเทพทันใจพร้อมอธิษฐาน เสร็จแล้วจึงดึงนำธนบัตรออกมา 1 ใบ เก็บไว้เพื่อความสิริมงคล จากนั้นคนทำพิธีจะให้ใบชนะแก่เรา และให้เรานำผ้าคล้องคอเทพทันใจ พร้อมลูบที่หัวคฑา 3 ครั้ง พร้อมอธิษฐาน ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ (มีเคล็ดลับว่าต้องขอเพียงข้อเดียวเท่านั้นจึงจะสำฤทธิ์ผล)

คาถาบูชาเทพทันใจ

(ตั้งนะโม 3 จบ)

เอหิ สักกะ นัตโบโบยี วันทานัง. สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ.

อิทัง พะลัง เอตัสสะมิง. รัตตะนัตตะยัสสะมิง.

สัพพะสาธนะ เจตุโส สาธุ สาธุ สาธุ.

(ตั้งจิตอธิษฐานสักการะต่อองค์เทพทันใจนัตโบโบยี)

และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นเป็นที่ประดิษฐานของ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า อะมาดอว์เมี๊ยะ ตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไป ก็ได้กลายเป็นนัตที่ชาวพม่าเคารพกราบไหว้

วิธีสักการะเทพกระซิบ การสักการะขอพรเทพกระซิบนั้น ต้องเข้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูท่าน ห้ามคนอื่นได้ยิน ซึ่งชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมาก ส่วนของไหว้บูชานั้นจะประกอบไปด้วย จะบูชาด้วย น้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และ ผลไม้

4. เจดีย์สุเล (Sule Pagoda)

มาต่อกันที่เจดีย์เก่าแก่ที่ชาวพม่าเคารพนับถือนั่นก็คือ เจดีย์สุเล (Sule Pagoda) ว่ากันว่าเจดีย์แห่งนี้มีอายุกว่าพันปี ซึ่งเก่าแก่กว่าเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์สุเล หรือที่เรียกว่า สุเลพญา เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีสีทองอร่าม ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถนนสายหลักทุกสายพุ่งเข้าหาเจดีย์นี้ เนื่องจากในสมัยที่อังกฤษครองพม่า ได้วางผังเมืองแบบ Victorian grid-plan โดยยึดเจดีย์สุเล เป็นศูนย์กลาง ถ้าไปดูแผนที่ตัวเมืองย่างกุ้ง จะเห็นว่าถนนตัดกันเป็นบล๊อคสี่เหลี่ยมแล้วมีเจดีย์สุเลอยู่ตรงกลาง ส่วนวิธีการเข้าเจดีย์นั้น ต้องข้ามสะพานลอย ซึ่งเป็นทางเชื่อมกับลานเจดีย์ด้านบน หรือจะเดินข้ามถนนเข้าทางเข้าด้านล่าง แล้วเดินขึ้นเจดีย์ ภายในองค์เจดีย์บรรจุเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้ ส่วนฐานเจดีย์โดยรอบมีพระประจำวันเกิดให้สักการะบูชา ซึ่งเราจะได้เห็นชาวพม่าเข้ามากราบไหว้ ทำบุญ และที่เจดีย์แห่งนี้ ยังมีเทพทันใจองค์ที่โตที่สุด ที่ชาวพม่านับถือมากที่สุด และเชื่อกันว่า ขออะไรจากท่าน ท่านจะประทานให้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

5. พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)

เจดีย์ที่มีความสำคัญของประเทศพม่า พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) นอกจากจะเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่าแล้ว ยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่าอีกด้วย เจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์สีทองขนาดใหญ่ที่บรรจุพระเกศาธาตุรวมทั้งหมด 8 เส้นด้วยกัน คำว่า "ชเว" แปลว่า ทอง ส่วนคำว่า "ดากอง" หรือ "ตะเกิง" ก็คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้งนั่นเอง ดังนั้นจึงหมายความว่า เจดีย์ทองคำแห่งเมืองดากอง ตำนานเล่าว่า เจดีย์ชเวดากองได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 2,500 กว่าปีก่อน โดยมีสองพี่น้องวานิช ชื่อว่า ตปุสสะ และ ภัสลิกะ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ด้วยความดีของสองพี่น้อง พระองค์จึงได้ประทานพระเกศาให้ 8 เส้น ทั้งสองพี่น้องจึงได้อัญเชิญมายังบนเนินเขาเสนคุตตระ จากนั้นพระเจ้าโอกะลาปะจึงได้ทรงสร้างเจดีย์ครอบพระเกศาทั้ง 8 เส้น ต่อมาได้มีกษัตริย์มอญและกษัตริย์พม่าให้มีการต่อเติมบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้งจนมีขนาดใหญ่เท่าปัจจุบัน ที่นี่มีบริเวณกว้างขวางทำให้เจดีย์ชเวดากองโดดเด่นเห็นได้ชัดแม้อยู่ไกล และยังมีเจดีย์ขนาดน้อยใหญ่เรียงรายสวยงามราวกับอยู่เมืองสวรรค์ บนยอดของเจดีย์ชเวดากองการประดับด้วยเพชรจำนวน 4,531 เม็ด ยังมีทับทิม ไพลินและบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด รวมทั้งระฆังทองอีกจำนวน 1,065 ใบ ส่วนบนยอดสุดที่มีปลายแหลมมีเพชรเม็ดใหญ่เท่าฝ่ามือหนัก 72 กะรัต 1 เม็ด ประดับอยู่ ชาวมอญและชาวพม่าถือการกราบไหว้บูชา นำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล

วิธีสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิษฐาน ซึ่งเป็นจุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ซึ่งเราสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง เพื่อเสริมสร้างบารมีและเป็นสิริมงคล

คาถาบูชาพระมหาเจดีย์ชเวดากอง

(ตั้งนะโม 3 จบ )

ธัมภูทีเป วะระฐาเน สิงคุตตะเร มะโนรัมเม สัตตะระนะ.

ปะฐะมัง กะกุสันธัง สุวัณณะฑัณธัง ธาตุโย ฐัสสะติ.

ทุติยัง โคนาคะมะนัง ธัมมะกะระณัง ธาตุโย ฐัสสะติ.

ตะติง กัตสัปปัง พุทธะจีวะรัง ธาตุโย ฐัสสะติ.

จะตุตะถัง โคตะมะ อัฏฐเกสะ ธาตุโย ฐัสสะติ.

ปัญจะมัง อริยะเมตเตยโย อนาคะโต อุตตะมังธาตุโยฯ

(ตั้งจิตอธิษฐานสักการะต่อองค์พระมหาเจดีย์ชเวดากอง)

โดยรอบ ๆ องค์พระมหาเจดีย์ชเวดากอง มีวิหารประจำทั้ง 4 ทิศ อีกทั้งยังมีเจดีย์ขนาดน้อยใหญ่เรียงราย และพระประจำวันเกิดประดิษฐานครบทั้ง 7 วัน รวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตัวเอง เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตโดยแต่ละวันจะมีรูปปั้นเป็นสัญลักษณ์ มีชื่อวันเขียนกำกับไว้เป็นภาษาพม่าและภาษาอังกฤษ ซึ่งรูปปั้นประจำวัดเกิดแต่ละวัน มีดังนี้..

• วันอาทิตย์ สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น ครุฑ
• วันจันทร์ สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น เสือ
• วันอังคาร สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น สิงห์
• วันพุธกลางวัน สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น ช้างมีงา
• วันพุธกลางคืน สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น ช้างไม่มีงา
• วันพฤหัสบดี สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น หนูใหญ่หางสั้น
• วันศุกร์ สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น หนูหางยาว
• วันเสาร์ สัญลักษณ์เป็นรูปปั้น พญานาค

เมื่อสรงน้ำพระวันเกิดเสร็จแล้วให้เดินประทักษิณ คือ การเดินตามเข็มนาฬิการอบเจดีย์ 1 รอบ ใครจะสวดมนต์ขณะเดินไปด้วยก็ได้

6. เจดีย์กาบาเอ (Kaba Aye Pagoda)

ต่อด้วย เจดีย์กาบาเอ (Kaba Aye Pagoda) คำว่า "กาบาเอ" หมายถึง สันติภาพของโลก, โลกแห่งสันติสุข เป็นเจดีย์ทรงกลมที่มีความสูงและเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2493 - 2495 โดยนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศพม่า เพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎก และเพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่โลก ล่าสุดใช้เป็นสถานที่ใช้ในการประชุมสงฆ์โลก เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 ที่ผ่านมา ที่สำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งพระธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคลานะ โดยนำพระธาตุมาจากประเทศอินเดีย ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตมีพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี ต่อมามีชีปะขาวผู้หนึ่งนำไม้ไผ่ที่จารึกข้อความ มามอบให้พระภิกษุฝากไปมอบต่อให้ท่านอุนู (นายกรัฐมนตรีของพม่าในขณะนั้น) และบอกให้ท่านอุนูทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้เจริญมั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตัวท่านอุนูนั้นเคร่งครัดในพุทธศาสนาจึงรับไม้ไผ่ลำนั้นไว้ และปฏิบัติตามคำบอกของชีปะขาวผู้นั้น โดยการสร้างเจดีย์กาบาเอขึ้น เพื่อเตรียมการทำสังคายนาพระไตรปิฏก และอุทิศพระเจดีย์องค์นี้เพื่อให้เกิดการสร้างสันติภาพขึ้นในโลกและในประเทศพม่า

• ร่วมทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ครอบเศียรครอบเกล้า ด้วยพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งมีความเชื่อว่า "หากท่านใดได้ทำพิธีมงคลบูชารับพระธาตุ ท่านนั้นจะหมดเคราะห์ ตัดกรรม และมีโชคดีตลอดไป
• การทำพิธีครอบเศียรครอบเกล้า ต้องมีจำนวน 20 ท่านขึ้นไป ถึงจะทำพิธีได้ ซึ่งการทำพิธีนี้ต้องให้ชาวพม่า มาทำหนังสือแจ้งกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเท่านั้น

นอกจากนั้นยังมีพระมหามุนี (จำลอง) 1 ใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่าอีกด้วย องค์จริงประดิษฐานอยู่ที่มัณฑะเลย์ พระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2496 ภายในบริเวณใกล้ ๆ กันยังมีถ้ำมหาปาสณะคูหา ซึ่งจำลองมาจากถ้ำสัตตบรรณคูหาแห่งเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย และที่บริเวณสวนมีต้นโพธิ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาปลูกไว้ 2 ต้น เมื่อปี พ.ศ.2503 อีกด้วย

7. เจดีย์ไจ๊กะส่าน (Kyaikkasan Pagoda)

อีกหนึ่งเจดีย์ที่สวยงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เจดีย์ไจ๊กะส่าน (Kyaikkasan Pagoda) สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 218 โดยกษัตริย์แห่งอินเดีย ภายในบรรจุพระเกศาธาตุ 16 เส้น และพระธาตุส่วนอื่น ๆ 32 องค์ ในภาษามอญเรียกว่า "ไจ๊อะแส่น" ซึ่งคำว่า "ไจ๊" แปลว่า พระธาตุ ส่วนคำว่า "อะแส่น" แปลว่า พระอรหันต์ แปลโดยรวมคือ พระธาตุสร้างในการนำของพระอรหันต์" ส่วนชาวพม่านั้นจะเรียกไจ๊อะแส่น ออกเป็นสำเนียงพม่าว่าไจ๊กะส่าน ตำนานเล่าว่า ตอนที่ย่างกุ้งกลายเป็นเมืองร้างไม่มีใครอยู่ มียักษ์สองพี่น้อง ชื่อ "นองดอ" (องค์พี่) และ "นยีดอ" (องค์น้อง) รับหน้าที่เฝ้าเกศาธาตุ และพระธาตุที่บรรจุอยู่ในพระธาตุนี้ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการขโมยเอาไปที่อื่น และมีเจ้าที่ ที่เฝ้าดูแลสถานที่ไว้ เพื่อไม่ให้มีการโกง ซึ่งตามความเชื่อ ชาวพม่านิยมมาไหว้สักการะขอพรในเรื่องคดีความต่าง ๆ และเจดีย์แห่งนี้เหมาะสำหรับการสวดมนต์และทำสมาธิให้จิตใจสงบ ซึ่งท่านจะได้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งในเรื่องการงาน ครอบครัว การเงิน ความรัก และสิ่งที่ท่านปรารถนา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเจดีย์ที่ชาวพม่ามีความเชื่อและนับถือมายาวนาน

8. เจดีย์เอ่งต่อหย่า (Eain Taw Yar Pagoda)

มาต่อกันที่ เจดีย์เอ่งต่อหย่า (Eain Taw Yar Pagoda) เจดีย์เก่าแก่อายุราว 170 ปี สร้างโดยกษัตริย์กงบาว ผู้มีชื่อเสียงและอำนาจในยุคกงบาว ท่านมีความศรัทธามาก  บริเวณรอบองค์เจดีย์จะมีเหล่าบรรดาองค์เทพให้ท่านได้สักการะขอพร ท่านสามารถขอพรได้รอบองค์เจดีย์ คำว่า "เอ่งต่อ" แปลว่า บ้าน, ที่พัก ส่วนคำว่า "หย่า" แปลว่า ร่องรอย ซึ่งรวมกันแล้วแปลความหมายได้ว่า ร่องรอยของบ้านที่พัก ซึ่งตามความเชื่อของคนพม่า มีความเชื่อว่า สถานที่/พื้นที่ใด ถ้าคู่ควรกับคนไหน คนนั้นจะได้เป็นเจ้าของ จึงมีผู้คนมาขอพรเรื่องบ้าน ที่อยู่ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ที่คู่ควรกับตนเอง และภายในบริเวณเจดีย์จะมีเทพที่ดูแลปกป้องรักษาสถานที่ นับว่าเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ และศักดิสิทธิ์อีกแห่งของพม่า

9. เจดีย์เมียตซอนินเนือง (Myat Saw Nyi Naung)

สิ่งศักดิ์สิทธิ์สุดท้าย กับ เจดีย์เมียตซอนินเนือง (Myat Saw Nyi Naung) เจดีย์เก่าแก่อายุราว 160 ปี สร้างโดยพ่อค้าตุมะนะสองพี่น้อง ที่มาทำการค้าขายที่ท่าเรือจี้หมิ่นด่าย แล้วศรัทธาที่จะสร้างวัดให้แก่พระสงฆ์ในสมัยยุคอังกฤษครองพม่า สองพี่น้องได้นำเงินมาสร้างวัด สร้างเจดีย์สององค์ สร้างศาลาให้พระพุทธรูปมานอ่องหมื่นสะจ่าชิ่น มีความเชื่อว่า หากพ่อค้าที่มากราบไหว้สักการะพระพุทธรูปดังกล่าว จะมีชัยชนะและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ และไม่มีภยันตรายต่าง ๆ

และนี่ก็คือ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คุณไม่ควรพลาด !! สำหรับใครที่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวไหน น้องชิลเองก็อยากเชิญชวนทุกท่านไปทำบุญ ไหว้พระ เพื่อเสริมสิริมงคลให้ชีวิตกัน เพียงแค่ จองทัวร์กับน้องชิล รับรองว่าเที่ยวคุ้มเต็มอิ่ม สุขทั้งกาย สุขทั้งใจอย่างแน่นอนค่ะ