Loading...
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข

(ปิดการขาย)

สรุปการท่องเที่ยว:

วันที่ 1: ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) / สนามบินมัณฑะเลย์ / เมืองอมรปุระ / สะพานไม้สักอูเบ็ง / วัดจอคตอคยี / วัดกุสินารา / ภูเขามัณฑะเลย์ / Hazel Hotel
วันที่ 2: รับประทานอาหาร(ข้าวกล่อง) / สนามบินมัณฑะเลย์ (เดินทางต่อไปพุกาม) / พระเจดีย์ชเวสิกอง / วัดอนันดา / วัดมนุหา / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / เครื่องเขิน / วัดกุบยางกี / วัดติโลมินโล / เจดีย์สัพพัญญู / วิหารธรรมยันจี / เจดีย์ชเวซานดอว์ / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก / Su Thein San Hotel
วันที่ 3: รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / เมืองมิงกุน / หมู่บ้านมิงกุน / มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน / ระฆังยักษ์มิงกุน / เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / พระราชวังมัณฑะเลย์ / พระราชวังไม้สักชเวนานจอง / วัดกุโสดอร์ / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / Hazel Hotel
วันที่ 4: ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ภูเขาสกายน์ / เจดีย์กวงมูดอร์ หรือเจดีย์นมนาง / เจดีย์อูมินทงแส่ / สนามบินมัณฑะเลย์ / ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
7 มื้อ 3 คืน

มีการเข้าชมทั้งหมด: 4,504 ครั้ง     ผู้ชมขณะนี้: 1 คน          

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข

Air Asia (FD)  
ส.  28 เม.ย.-01 พ.ค.
(วันแรงงาน)
18,900.- Air Asia ว่าง
ศ.  04-07 พ.ค.
(วันฉัตรมงคล)
16,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  10-13 พ.ค.
16,900.- Air Asia ว่าง
ส.  26-29 พ.ค.
(วันวิสาขบูชา)
16,900.- Air Asia เหลือ 13 ที่นั่ง
พฤ.  07-10 มิ.ย.
16,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  21-24 มิ.ย.
16,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  28 มิ.ย.-01 ก.ค.
16,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  12-15 ก.ค.
16,900.- Air Asia ว่าง
พฤ.  19-22 ก.ค.
16,900.- Air Asia เต็ม
ศ.  27-30 ก.ค.
(ชดเชยวันเฉลิมฯร.10)
16,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  02-05 ส.ค.
16,900.- Air Asia ว่าง
ศ.  10-13 ส.ค.
(ชดเชยวันแม่แห่งชาติ)
16,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  16-19 ส.ค.
16,900.- Air Asia ว่าง
พฤ.  23-26 ส.ค.
16,900.- Air Asia ว่าง
(อัพเดตที่นั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 09 เม.ย.61)

ตารางบิน
Air Asia (FD) เวลาบินขาไป 10:50 - 12:22 DMK - MDL FD244
เวลาบินขากลับ 12:50 - 15:15 MDL - DMK FD245

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
โหลด PDF
วันที่ 1
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) / สนามบินมัณฑะเลย์ / เมืองอมรปุระ / สะพานไม้สักอูเบ็ง / วัดจอคตอคยี / วัดกุสินารา / ภูเขามัณฑะเลย์ / Hazel Hotel
ช่วงเช้า
(08:30) ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
ทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) ที่จุดนัดหมายก่อนเวลาเดินทาง (ตามตารางบิน) โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าเตอร์ใด เวลาใด)
ทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) ที่จุดนัดหมายก่อนเวลาเดินทาง (ตามตารางบิน) โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าเตอร์ใด เวลาใด)
* 10.50 น. ออกเดินทางสู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยเที่ยวบิน FD 244 มีบริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง
ช่วงบ่าย
(12:20) สนามบินมัณฑะเลย์
เดินทางถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
เดินทางถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
เมืองอมรปุระ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอมรปุระ (Amarapura) เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งผู้ที่เป็นอมตะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ เป็นเมืองหลวงเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของพม่าได้เพียง 76 ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ในปี ค.ศ. 1857
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอมรปุระ (Amarapura) เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งผู้ที่เป็นอมตะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ เป็นเมืองหลวงเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของพม่าได้เพียง 76 ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ในปี ค.ศ. 1857
สะพานไม้สักอูเบ็ง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานไม้สักอูเบ็ง (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงมายังอมรปุระ พระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางที่ชื่อ อูเบ็ง ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างสะพาน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานอูเบ็ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน มุ่งตรงไปยั (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานไม้สักอูเบ็ง (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงมายังอมรปุระ พระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางที่ชื่อ อูเบ็ง ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างสะพาน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานอูเบ็ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน มุ่งตรงไปยังเจดีย์เจ๊าตอจีซึ่งอยู่อีกฟากของทะเลสาบ สามารถใช้บริการเรือพายเพื่อชมวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆ ทะเลสาบได้
วัดจอคตอคยี
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดจอคตอคยี (Kyauktawgyi) ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขามัณฑะเลย์ฮิลล์ พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพม่า รองจากพระสร้างใหม่ในเมืองย่างกุ้ง จากข้อมูลที่ได้รับพม่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก ทั้งทองคำ น้ำมัน แร่ต่างๆ รวมถึงอัญมณี จึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาศิลาอ่อนมาแกะสลักรูปเคารพตามความเชื่อด้านบนนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในมัณฑะเลย์สามารถมองเห็นแม่น้ำอิร (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดจอคตอคยี (Kyauktawgyi) ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขามัณฑะเลย์ฮิลล์ พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพม่า รองจากพระสร้างใหม่ในเมืองย่างกุ้ง จากข้อมูลที่ได้รับพม่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก ทั้งทองคำ น้ำมัน แร่ต่างๆ รวมถึงอัญมณี จึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาศิลาอ่อนมาแกะสลักรูปเคารพตามความเชื่อด้านบนนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในมัณฑะเลย์สามารถมองเห็นแม่น้ำอิรวดี สายเลือดเส้นใหญ่ของพม่าได้ชัดเจน และจากจุดเดียวกันก็ยังเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังมัณฑะเลย์ที่เคยรุ่งโรจน์มาแต่อดีต มีบริการลิฟท์ของที่นี่เพื่อเดินทางต่อขึ้นไปยังวิหารที่เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุ อันบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป ชเวยัตตอร์ ประทับยืน 2 องค์ โดยพุทธลักษณะนั้นคล้ายกับกำลังชี้พระหัตถ์ไปยังพระราชวังกลางกรุงมัณฑะเลย์ ซึ่งมีความหมายว่าที่นี่จะเป็นศูนยกลางของราชธานีต่อไป สำหรับภูเขามัณฑะเลย์มีความสูง 236 เมตร หากใครอยากเดินที่นี่มีบันได 7292 ขั้นให้เดิน
วัดกุสินารา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุสินารา (Kusinara Pagoda) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามัณฑะเลย์ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ปางปรินิพพาน สวยงามมาก ถัดไปมีรูป ฤาษี อูขันติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สร้างวัดแป่งนี้ แต่เดิมนั้นเป็นเพียงวัดร้างที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่ารกทึบ ต่อมาถูกค้นพบโดยเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ฮิลล์ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไทย ตัววิหารประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น จำลองรูปแบบให้เป็นสวนสาละ ที่กำลังผลิดอกแย้มส (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุสินารา (Kusinara Pagoda) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามัณฑะเลย์ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ปางปรินิพพาน สวยงามมาก ถัดไปมีรูป ฤาษี อูขันติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สร้างวัดแป่งนี้ แต่เดิมนั้นเป็นเพียงวัดร้างที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่ารกทึบ ต่อมาถูกค้นพบโดยเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ฮิลล์ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไทย ตัววิหารประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น จำลองรูปแบบให้เป็นสวนสาละ ที่กำลังผลิดอกแย้มสวยงามทั้วทั้งวิหาร
ภูเขามัณฑะเลย์
นำท่านเดินทางสู่ ภูเขามัณฑะเลย์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร บันไดทางขึ้นมีรูปปั้นสิงห์สีขาวขนาดมหึมา 2 ตัว นั่งเฝ้าอยู่ ต้องถอดรองเท้าเดินขึ้นไปมีบันไดจำนวน 1,729 ขั้น ระหว่างทางมีปูชนียสถานให้สักการะบูชาเป็นระยะๆ หรือสามารถนั่งรถสองแถวแล้วใช้ลิฟต์ขึ้นไปจนถึงบริเวณยอดเขาก็จะพบวิหาร ซูตองพญา ภายใต้วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ คือ พระกกุสันโธ (อ่านต่อ)
นำท่านเดินทางสู่ ภูเขามัณฑะเลย์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร บันไดทางขึ้นมีรูปปั้นสิงห์สีขาวขนาดมหึมา 2 ตัว นั่งเฝ้าอยู่ ต้องถอดรองเท้าเดินขึ้นไปมีบันไดจำนวน 1,729 ขั้น ระหว่างทางมีปูชนียสถานให้สักการะบูชาเป็นระยะๆ หรือสามารถนั่งรถสองแถวแล้วใช้ลิฟต์ขึ้นไปจนถึงบริเวณยอดเขาก็จะพบวิหาร ซูตองพญา ภายใต้วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ คือ พระกกุสันโธ, พระโกนาคมน์, พระกัสสปะ, และพระสมณโคดม รอบวิหารมีระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพเมืองมัณฑะเลย์ และสามารถมองเห็นแม่น้ำอิรวดี, พระราชวังมัณฑะเลย์, วัดกุโสดอ และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอันสวยงามบนยอดเขามัณฑะเลย์แห่งนี้
ช่วงค่ำ
Hazel Hotel
วันที่ 2
รับประทานอาหาร(ข้าวกล่อง) / สนามบินมัณฑะเลย์ (เดินทางต่อไปพุกาม) / พระเจดีย์ชเวสิกอง / วัดอนันดา / วัดมนุหา / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / เครื่องเขิน / วัดกุบยางกี / วัดติโลมินโล / เจดีย์สัพพัญญู / วิหารธรรมยันจี / เจดีย์ชเวซานดอว์ / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก / Su Thein San Hotel
ช่วงเช้า
(05:00) รับประทานอาหาร(ข้าวกล่อง)
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
(07:55) สนามบินมัณฑะเลย์ (เดินทางต่อไปพุกาม)
นำท่านเดินทางสู่สนามบินมัณฑะเลย์ อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ และออกเดินทางสู่สนามบินยองดูแห่งเมืองพุกาม
นำท่านเดินทางสู่สนามบินมัณฑะเลย์ อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ และออกเดินทางสู่สนามบินยองดูแห่งเมืองพุกาม
* 08.25 น. เดินทางถึงเมืองพุกาม
พระเจดีย์ชเวสิกอง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ชเวสิกอง มีหมายความว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมาย (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ชเวสิกอง มีหมายความว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมายังเมืองพุกาม และได้กวาดต้อนชาวบ้านรวมทั้งกษัตริย์มอญให้มาเป็นเชลยศึกที่พุกาม เจดีย์ชเวสิกองสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิทธา เมื่อปี ค.ศ. 1113 ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญมาจากลังกาบนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธาได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใดจะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่ารัดอก แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออกมีหลุมขนาดเล็กเรียกว่า หลุมสมดุลเจดีย์ ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ ชาวพม่าเล่าขานว่าที่หลุมนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว โดยช่างสมัยโบราณใช้ดูสมดุลไม่ให้เจดีย์เอียงขณะก่อสร้าง และบ้างก็ว่าเพราะเจดีย์มีความสูงมาก จึงต้องทำหลุมไว้ให้พระมหากษัตริย์เสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกุศล ได้ทอดพระเนตรยอดเจดีย์ได้ชัดเจน อีกทั้งอาการที่ต้องคุกเข่าดู ก็เป็นการแสดงความคารวะพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
วัดอนันดา
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ล (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ลักษณะวัดในอินเดีย ถวายพระเจ้าจันสิทธา พระองค์พอพระทัยมาก และโปรดเกล้าให้สร้างวัดขึ้นตามลักษณะที่พระอรหันต์พรรณนา แล้วตั้งชื่อว่า วัดอนันดา ตามชื่อถ้ำที่อยู่ของพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้น วิหารแห่งนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใหญ่โต สูงสง่า มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน แต่ละช่องประดิษฐานอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 4 องค์ ได้แก่ 1) พระกกุสันธะ ในทิศเหนือ 2) พระโกนาคมน์ ในทิศตะวันออก 3) พระกัสสปะ ในทิศใต้ 4) พระสมณโคดม ในทิศตะวันตก โดยพระแต่ละองค์สูงกว่า 10 เมตร สีทองอลังการสวยงามมาก โดยเฉพาะองค์พระกัสสปะจะมีลักษณะพิเศษอีกอย่างคือ เวลายืนไกลๆ จะเห็นองค์พระยิ้ม แต่ว่าพอเดินเข้ามาใกล้ๆ จะกลายเป็นหน้าบึ้งแทน และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ทำให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์
วัดมนุหา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนุหา (Manuha Temple) สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนุหากษัตริย์ของชาวมอญ เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่เข้าตีเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนุหาและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบาทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี ค.ศ. 1059 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนุหา สร้างวัดมนุหาขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนุหา (Manuha Temple) สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนุหากษัตริย์ของชาวมอญ เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่เข้าตีเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนุหาและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบาทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี ค.ศ. 1059 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนุหา สร้างวัดมนุหาขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล กษัตริย์มอญทรงระบายความรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจในพระราชหฤทัยของพระองค์ ในระหว่างที่ทรงถูกคุมขัง ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากจนคับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า พระอึดอัด มาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นทางด้านหลังยังมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่โตมากเช่นกัน ทว่ามีพระโอษฐ์ที่ยิ้ม จึงตีความว่าพระเจ้ามนุหาอาจจะมีพระประสงค์ที่จะสื่อความหมายว่า มีเพียงความตายเท่านั้นที่ทำให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์มีอิสรภาพ
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
เครื่องเขิน
จากนั้นนำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม
จากนั้นนำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม
วัดกุบยางกี
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธา สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า Fresco สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหาร หรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธา สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า Fresco สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหาร หรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย
วัดติโลมินโล
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแผ่นดิน ขอให้เกิดนิมิตให้เห็นปรากฏ ขณะนั้นองค์เศวตฉัตรได้โน้มไปทางราชบุตรน้อยนามว่า เจ้าชัยสังข์ จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เจ้าพี่ทั้ง 4 องค์ก็ยินยอมด้วยดีและได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมา ทรงพระนามว่า พระเจ้านันตองมยา แต่ในพงศาวดารพม่ามักเรียกว่า พระเจ้าติโลมินโล ซึ่งมีความหมายว่า เอาฉัตรตั้งกษัตริย์ พระเจ้าติโลมินโลได้ทรงสร้างวัดขึ้นตรงที่ประกอบพิธีตั้งเศวตฉัตรเสี่ยงทาย อันเป็นที่ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทจึงเรียกชื่อวัดว่า วัดติโลมินโล อย่างไรก็ตามนักปราชญ์ชาวพม่าบางรายตีความว่า ติโลมินโล อาจเพี้ยนเสียงมาจาก ไตรโลกมงคล หรือ ผู้ได้รับพรอันเป็นมงคลจากสามโลก เป็นวัดที่สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ อาจหมายถึงอดีตพระพุทธเจ้า เป็นวิหาร 2 ชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ และลวดลายปูนปั้นอันประณีตสวยงาม วิหารแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิหารองค์สุดท้ายที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม
เจดีย์สัพพัญญู
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) ในภาษาพม่า เรียกว่า ตะบินยู แปลว่า เจดีย์แห่งความรอบรู้ จัดเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงประมาณ 61 เมตร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู จัดเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในพม่า เนื่องจากพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์ใจบุญ รูปทรงคล้ายวัดอนันดาแต่แผนผัง (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) ในภาษาพม่า เรียกว่า ตะบินยู แปลว่า เจดีย์แห่งความรอบรู้ จัดเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงประมาณ 61 เมตร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู จัดเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในพม่า เนื่องจากพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์ใจบุญ รูปทรงคล้ายวัดอนันดาแต่แผนผังยาวกว่า ตัววิหารชั้นบนนั้นสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านในกลวง ซ้อนอยู่บนตัววิหารชั้นล่างที่มีขนาดใหญ่กว่า นับเป็นเอกลักษณ์ของวัดพม่าโดยเฉพาะ ต่างจากวัดมอญที่นิยมสร้างเป็นวิหารชั้นเดียว เจดีย์นี้มี 5 ชั้น ชั้นล่าง สำหรับชาวบ้านผู้มาทำบุญ, ชั้น 2 สำหรับพระภิกษุ, ชั้น 3 ประดิษฐานพระประธานของวัด, ชั้น 4 เก็บคัมภีร์พระไตรปิฎก และ ชั้น 5 เป็นองค์สถูปประดิษฐานพระบรมธาตุ ถ้าต้องการขึ้นไปชั้นบนต้องใช้บันไดด้านในขึ้นไปยังลานชั้นสามของเจดีย์ มองออกไปจะเห็นวัดอนันดา และทิวทัศน์โดยรวมของเมืองพุกามอันงดงามตระการตา
วิหารธรรมยันจี
ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาปด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจtติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาปด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจtติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
เจดีย์ชเวซานดอว์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) สร้างโดยพระเจ้าอโนรธา เป็นสถานที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า โดยองค์เจดีย์เป็นรูปทรงปิระมิด 5 ชั้น มีระเบียงแต่ละชั้นโดยรอบ แต่ที่เป็นที่นิยมคือชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของเจดีย์ นักท่องเที่ยวมักจะมายังเจดีย์ชเวซานดอว์ เพื่อชมทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกาม ในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ และชมพระอาทิตย์อัสดงในยามเย็น นักท่องเที่ยวมักเรีย (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) สร้างโดยพระเจ้าอโนรธา เป็นสถานที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า โดยองค์เจดีย์เป็นรูปทรงปิระมิด 5 ชั้น มีระเบียงแต่ละชั้นโดยรอบ แต่ที่เป็นที่นิยมคือชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของเจดีย์ นักท่องเที่ยวมักจะมายังเจดีย์ชเวซานดอว์ เพื่อชมทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกาม ในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ และชมพระอาทิตย์อัสดงในยามเย็น นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า เจดีย์แห่งพระอาทิตย์ตกดิน หรือ Sunset Pagoda ท่านสามารถมองเห็นทุ่งทะเลเจดีย์ในมุม 360 องศา ได้จากเจดีย์แห่งนี้
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก
ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรส อาหารพื้นเมือง
ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรส อาหารพื้นเมือง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
Su Thein San Hotel
นำขณะเข้าสู่ที่พัก Su Thein San Hotel หรือระดับเทียบเท่า
นำขณะเข้าสู่ที่พัก Su Thein San Hotel หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 3
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / เมืองมิงกุน / หมู่บ้านมิงกุน / มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน / ระฆังยักษ์มิงกุน / เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / พระราชวังมัณฑะเลย์ / พระราชวังไม้สักชเวนานจอง / วัดกุโสดอร์ / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / Hazel Hotel
ช่วงเช้า
(07:00) รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
* เวลา 08.05 น. ออกเดินทางไปสนามบินพุกาม สู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน Air Yangon เที่ยวบินที่ YH 917
เมืองมิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิงกุน (Mingun) เป็นเมืองเล็กๆ ตรงจุดศูนย์กลางของประเทศพม่า ที่ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีบนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิงกุน (Mingun) เป็นเมืองเล็กๆ ตรงจุดศูนย์กลางของประเทศพม่า ที่ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีบนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์
หมู่บ้านมิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมิงกุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดีและไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้น ทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็นกึ่งบ้านกึ่งแพ เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลากระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมิงกุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดีและไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้น ทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็นกึ่งบ้านกึ่งแพ เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลากระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอนครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำเพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน
มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน (Mingun Pa Hto Taw Gyi) ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน (Mingun Pa Hto Taw Gyi) ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงก็เสด็จสวรรคต มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐานเท่านั้น ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1838 พระเจดีย์พังถล่มลงมา แตกหักเสียหายจนไม่สามารถสร้างต่อได้ เกิดรอยร้าวแยกปริ เป็นแนวยาว คงเหลือไว้แต่เพียกองอิฐขนาดมหึมา โดยส่วนที่เหลือบริเวณฐานเจดีย์นี้ มีความสูงถึง 50 เมตร แต่ละด้านกว้าง 72 เมตร ปัจจุบันชาวพม่า เรียกเจดีย์องค์นี้ว่า ปาโตดอจี แปลว่า เจดีย์ใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จ
ระฆังยักษ์มิงกุน
จากนั้นนำท่านชม ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) อยู่ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุน พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่ออุทิศถวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่าพระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านชม ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) อยู่ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุน พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่ออุทิศถวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่าพระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งในพระราชวังเครมลิน, กรุงมอสโก เพียงใบเดียวเท่านั้น ทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวานได้จนถึงปัจจุบันนี้
เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชินพิวมิน (Hsinbyume Paya) หรือเมียะเต็งดาน ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่างามมากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1816 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์สถิต (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชินพิวมิน (Hsinbyume Paya) หรือเมียะเต็งดาน ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่างามมากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1816 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลางยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางโลกและจักรวาลล้อมรอบด้วยขุนเขา และมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ โดยสร้างฐานเจดีย์ลดหลั่นกันไปเจ็ดชั้น ทำให้เหมือนมีระเบียงทางเดินเป็นเกลียวคลื่น
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
พระราชวังมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายราชธานีมาจากอมรปุระ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังป็นหมู่อาคารไม้และตึก ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายราชธานีมาจากอมรปุระ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังป็นหมู่อาคารไม้และตึก ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม
พระราชวังไม้สักชเวนานจอง
เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงย (อ่านต่อ)
เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัดถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง
วัดกุโสดอร์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบม (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
* เมนูพิเศษ กุ้งแม่น้ำเผา
Hazel Hotel
วันที่ 4
ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / ภูเขาสกายน์ / เจดีย์กวงมูดอร์ หรือเจดีย์นมนาง / เจดีย์อูมินทงแส่ / สนามบินมัณฑะเลย์ / ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
ช่วงเช้า
(04:00) ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี
นำท่านชมและร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี พระมหามัยมุนีนับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวของพม่า ที่ชาวพม่านับถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจหรือยังมีชีวิต จึงได้มีการทำพิธีล้างพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกเช้ามืด จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงการกราบสักการะบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่การล้างพระพักตร์ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานเปรียบประ (อ่านต่อ)
นำท่านชมและร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี พระมหามัยมุนีนับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวของพม่า ที่ชาวพม่านับถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจหรือยังมีชีวิต จึงได้มีการทำพิธีล้างพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกเช้ามืด จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงการกราบสักการะบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่การล้างพระพักตร์ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานเปรียบประหนึ่งว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต ทุกๆ เช้าตั้งแต่เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป จะมีการล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี โดยพระเจ้าอาวาสเป็นผู้ทำพิธีและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการคอยช่วยเหลือ มีการเปิดมโหรีขับกล่อมขณะนำน้ำมาล้างพระโอษฐ์ นำแปรงสีฟันมาแปรงพระทนต์ให้ หลังจากนั้นจะนำน้ำหอมทานาคามาเช็ดถูพระพักตร์ แล้วนำผ้าขาวหรือผ้าสะอาดมาเช็ดทานาคาออก (ผ้าสะอาดเป็นของญาติโยมที่เตรียมมาให้เช็ดและนำเก็บกลับไปไว้บูชา) หลังจากพิธีล้างพระพักตร์แล้ว จะนำภัตตาหารมาถวายให้พระมหามัยมุนีฉันท์ จึงเป็นอันเสร็จพิธี จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง เสร็จพิธีตอนเวลาตี 05.00 น.
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
(07:00) รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ภูเขาสกายน์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ภูเขาสกายน์ (Sagaing Hill) ศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ท่านจะได้ชมทัศนียภาพของเมืองสกายน์ ลุ่มแม่น้ำอิระวดี เจดีย์จำนวนมากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่บนภูเขา และริมฝั่งแม่น้ำ ประมานพุทธศตวรรษที่ 19 มีเจ้าเชื้อสายไทยใหญ่เมืองสกายน์ นาม สอยุน รวบรวมผู้คนแล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์อยู่ที่เมืองสกายน์ หรือสะแกง ที่ตั้งปัจจุบันอยู่ใหล้เนินเขาบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี ห่างจากมัณฑะเล (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ภูเขาสกายน์ (Sagaing Hill) ศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ท่านจะได้ชมทัศนียภาพของเมืองสกายน์ ลุ่มแม่น้ำอิระวดี เจดีย์จำนวนมากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่บนภูเขา และริมฝั่งแม่น้ำ ประมานพุทธศตวรรษที่ 19 มีเจ้าเชื้อสายไทยใหญ่เมืองสกายน์ นาม สอยุน รวบรวมผู้คนแล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์อยู่ที่เมืองสกายน์ หรือสะแกง ที่ตั้งปัจจุบันอยู่ใหล้เนินเขาบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี ห่างจากมัณฑะเลย์ไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร สกายน์เป็นราชธานีได้เพียง 59 ปี ภายหลังเกิดการชิงอำนาจกัน สุดท้ายพระเจ้าโดะมินพญา ได้รับชัยชนะจึงย้านเมืองหลวงใหม่มาตั้งที่ปากแม่น้ำมิดแง ตรงที่บรรจบกับแม่น้ำอิรวดี จนเป็นที่ตั้งของเมืองอังวะในเวลาต่อมา
เจดีย์กวงมูดอร์ หรือเจดีย์นมนาง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์กวงมูดอร์ (Kaunghmudaw Pagoda) หรือเจดีย์นมนาง สร้างโดยพระเจ้าต้าหลู่ เมื่อปี ค.ศ. 1636 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุที่ได้มาจากลังกา เป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำแบบสิงหล หรือเจดีย์ทรงลังกา มีตำนานเล่าว่าองค์ระฆังทรงกลมผ่าครึ่งซีกนี้ ได้ต้นแบบมาจากถันของพระชายาคนโปรดของพระเจ้าต้าหลู่ องค์เจดีย์มีความสูง 46 เมตร เส้นรอบวงวัดได้ 274 เมตร และใช้อิฐในการก่อส (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์กวงมูดอร์ (Kaunghmudaw Pagoda) หรือเจดีย์นมนาง สร้างโดยพระเจ้าต้าหลู่ เมื่อปี ค.ศ. 1636 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุที่ได้มาจากลังกา เป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำแบบสิงหล หรือเจดีย์ทรงลังกา มีตำนานเล่าว่าองค์ระฆังทรงกลมผ่าครึ่งซีกนี้ ได้ต้นแบบมาจากถันของพระชายาคนโปรดของพระเจ้าต้าหลู่ องค์เจดีย์มีความสูง 46 เมตร เส้นรอบวงวัดได้ 274 เมตร และใช้อิฐในการก่อสร้างมากถึง 10,126,552 ก้อน
เจดีย์อูมินทงแส่
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์อูมินทงแส่ (Umin Thonze Pagoda or 30 Caves Pagoda) ภายในระเบียงมีพระพุทธรูป 45 องค์ ประดิษฐานเรียงกันเป็นครึ่งวงกลม สีทองขององค์พระตัดกับสีเขียวของผนังที่ตกแต่งด้วยกระจกแก้วสะท้อนแสง มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์อูมินทงแส่ (Umin Thonze Pagoda or 30 Caves Pagoda) ภายในระเบียงมีพระพุทธรูป 45 องค์ ประดิษฐานเรียงกันเป็นครึ่งวงกลม สีทองขององค์พระตัดกับสีเขียวของผนังที่ตกแต่งด้วยกระจกแก้วสะท้อนแสง มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
ช่วงบ่าย
(12:50) สนามบินมัณฑะเลย์
จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศพม่า และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศพม่า และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
* 12.50 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 245 ** มีบริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
(15:15) ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
** หากท่านที่ต้องออกตั๋วภายใน (เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจาก สายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ท หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า **

กรอก Email เพื่อรับข่าวสารโปรโมชั่นก่อนใคร !
Copyright © 2012 - 2024 Chill Square Travel Co.,Ltd. , All Rights Reserved. บริษัท ชิล สแควร์ ทราเวล จำกัด 8/17 ตรอกราชดำริห์ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/11698 Call Center: 094-545-3905 Email: [email protected]
กดโทร
ทักเฟสบุค
ไลน์หาเรา