Loading...
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข

(ปิดการขาย) MY65 ทัวร์พม่า สักการะ 5 มหาบูชาสถาน 5 วัน 4 คืน โดยสายการบิน Air Asia (FD)

บริการอาหารบนเครื่องไป-กลับ
ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุณี สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน สักการะ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง เป็นมหาบูชาสถานสูงสุดของประเทศพม่า สักการะ พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอดอร์ ใจกลางเมืองหงสาวดี 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน ชม เจดีย์ชเวสิกอง เมืองพุกาม 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน ชมโชว์หุ่นเชิด พุกาม และชม วัดกุโสดอ พระธาตุอินทร์แขวน เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งลุ่มอิระวดี บินเข้าย่างกุ้ง บินออกทางมัณฑะเลย์ ไม่เหนื่อย เมนูพิเศษ สุกี้ชาบูชิบุฟเฟ่ต์โออิชิ อิ่มอร่อยอย่างจุใจ แถมฟรี!!ชุดเสริมบารมี (เสื้อยืดมิงกาลาบา+ถุงผ้า+ผ้าเช็ดพระพักตร์+สมุดสวดมนต์+น้ำดื่ม+ผ้าเย็น) มาครั้งเดียวเที่ยวครบ 5 มหาบูชาสถาน 5 วัน 4 คืน โดยสายการบิน Air Asia (FD)

สรุปการท่องเที่ยว:

วันที่ 1: ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) / ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง / เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) / พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda) / แม่น้ำสะโตง / คิมปูนแค้มป์ (Kinpun Camp) / พระธาตุอินทร์แขวน หรือ เจดีย์ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo Pagoda) / รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม / YOE YOE LAY HOTEL
วันที่ 2: ตักบาตร ณ พระธาตุอินทร์แขวน / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / วัดพระนอนยิ้มหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) / วัดพระสี่ทิศ หรือ วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา) / วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี Chauk Htat Gyi Buddha Temple) / เจดีย์โบตะทาวน์ (Botataung Pagoda) / เทพทันใจ และเทพกระซิบ / พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ชาบูชิ) / โรงแรมระดับ 4 ดาว BEST WESTERN HOTEL YANGON 4 STAR+
วันที่ 3: รับประทานอาหารเช้าบนรถแบบ Box set / ท่าอากาศยานนานชาติย่างกุ้งสู่เมืองพุกาม / เมืองพุกาม / พระเจดีย์ชเวสิกอง / วัดอนันดา / วัดมนุหา / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / เครื่องเขิน / วัดกุบยางกี / วัดติโลมินโล / เจดีย์สัพพัญญู / วิหารธรรมยันจี / จุดชมวิวทะเลเจดีย์ / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก / Su Thein San Hotel
วันที่ 4: รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / สนามบินยองลู / สนามบินมัณฑะเลย์ / พระราชวังมัณฑะเลย์ / พระราชวังไม้สักชเวนานจอง / วัดกุโสดอร์ / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / เมืองมิงกุน / หมู่บ้านมิงกุน / มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน / ระฆังยักษ์มิงกุน / เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน / วัดกุสินารา / ภูเขามัณฑะเลย์ / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา) / HOTEL YI LINK MANDALAY
วันที่ 5: ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / เมืองอมรปุระ / สะพานไม้สักอูเบ็ง / สนามบินมัณฑะเลย์ / ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
11 มื้อ 4 คืน

มีการเข้าชมทั้งหมด: 4,503 ครั้ง     ผู้ชมขณะนี้: 1 คน          

หมายเหตุสายการบินแอร์เอเชียมีบริการล็อกที่นั่งและ Hot Seat บริการสำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์ต้องการนั่งแถวหน้าและนั่งติดกันหรือเลือกที่นั่งได้ เนื่องจากตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ประบบ Randomไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกันในคณะ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน  

* ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไปกลับค่าใช้จ่ายในการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน/เที่ยว

* ต้องการล็อคที่นั่งแถวหน้า Hot Seat

แถวที่ 1    ค่าบริการล็อกที่นั่ง ขาละ 500 บาท/เที่ยว/ท่าน ไปกลับ 1,000 บาท/ท่าน

แถวที่ 2-5  ค่าบริการล็อกที่นั่ง ขาละ 400 บาท/เที่ยว/ท่าน ไปกลับ 800 บาท/ท่าน

แถวที่ 6-8  ค่าบริการล็อกที่นั่ง ขาละ 200 บาท/เที่ยว/ท่าน ไปกลับ 400 บาท/ท่าน

** กรุณาแจ้งพนักงานขายทุกครั้งก่อนทำการจองค่ะ**

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 4,500.-

Air Asia (FD)  
ส.  01-05 ธ.ค.
(วันพ่อแห่งชาติ)
23,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  13-17 ธ.ค.
22,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  20-24 ธ.ค.
23,900.- Air Asia เต็ม
ศ.  28 ธ.ค. 61-01 ม.ค. 62
(วันหยุดสิ้นปีใหม่)
25,900.- Air Asia เต็ม
ส.  29 ธ.ค. 61-02 ม.ค. 62
(วันหยุดสิ้นปีใหม่)
25,900.- Air Asia เต็ม
อา.  30 ธ.ค. 61-03 ม.ค. 62
(วันหยุดสิ้นปีใหม่)
25,900.- Air Asia เหลือ 2 ที่นั่ง
พฤ.  10-14 ม.ค.
(วันเด็กแห่งชาติ)
22,900.- Air Asia เต็ม
พฤ.  24-28 ม.ค.
22,900.- Air Asia เต็ม
(อัพเดตที่นั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 06 พ.ย.61)

ตารางบิน
Air Asia (FD) เวลาบินขาไป 12:10 - 12:55 DMK - RGN FD255
เวลาบินขากลับ 12:50 - 15:15 MDL - DMK FD245

ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
โหลด PDF
วันที่ 1
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) / ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง / เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) / พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda) / แม่น้ำสะโตง / คิมปูนแค้มป์ (Kinpun Camp) / พระธาตุอินทร์แขวน หรือ เจดีย์ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo Pagoda) / รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม / YOE YOE LAY HOTEL
ช่วงเช้า
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
ทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) ที่จุดนัดหมายก่อนเวลาเดินทาง (ตามตารางบิน) โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าเตอร์ใด เวลาใด)
ทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) ที่จุดนัดหมายก่อนเวลาเดินทาง (ตามตารางบิน) โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ให้การต้อนรับ และอํานวยความสะดวกตรวจเซ็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับทุกท่าน (ซึ่งก่อนการเดินทาง 3-5 วัน บริษัทจะแจ้งเป็นเอกสารทาง E-mail ให้ทราบว่านัดพบที่เค้าเตอร์ใด เวลาใด)
* 12.10 น. ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้งโดยเที่ยวบิน FD 255 ** บริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
ช่วงบ่าย
ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงย่างกุ้ง ในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมอญมาก่อนตั้งแต่ยุคกษัตริย์บินยาอู เมื่อประมาณ ค.ศ. 1365 จนกระทั่งเมืองหลวงของมอญแห่งนี้เริ่มหมดความสำคัญลงหลังจากย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่อังวะ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงย่างกุ้ง ในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมอญมาก่อนตั้งแต่ยุคกษัตริย์บินยาอู เมื่อประมาณ ค.ศ. 1365 จนกระทั่งเมืองหลวงของมอญแห่งนี้เริ่มหมดความสำคัญลงหลังจากย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่อังวะ
พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda)
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda) กล่าวกันว่าเจดีย์ชเวมอดอร์เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่าต้องแหงนหน้าขึ้นมองจนจมูกถูกแสงแดดร้อนแผดเผาจึงจะเห็นยอดเจดีย์ เป็นเหตุให้เรียกชื่อเป็นภาษามอญว่ามุเตา ที่แปลว่าจมูกร้อน มีความโดดเด่นคือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญ แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า มีฉัตรแบบเรียบๆ และองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรีย (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda) กล่าวกันว่าเจดีย์ชเวมอดอร์เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่าต้องแหงนหน้าขึ้นมองจนจมูกถูกแสงแดดร้อนแผดเผาจึงจะเห็นยอดเจดีย์ เป็นเหตุให้เรียกชื่อเป็นภาษามอญว่ามุเตา ที่แปลว่าจมูกร้อน มีความโดดเด่นคือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญ แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า มีฉัตรแบบเรียบๆ และองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ ภายในเป็นอิฐกลวง พระเจดีย์สูง 377 ฟุต ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชย์ ในรัชกาลต่อมาคือพระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น กล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระเจดีย์นี้ก่อนทุกครั้ง และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทย ก็เคยมาสักการะพระเจดีย์องค์นี้เช่นกัน ที่เจดีย์แห่งนี้มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์มากอยู่ตรงบริเวณยอดเจดีย์ที่หักตกลงมา เมื่อปี ค.ศ. 1930 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาลตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตรกลับยังคงสภาพเดิม และไม่แตกกระจายออกไปเป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยแท้ ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมา เพื่อความเป็นสิริมงคลซึ่งเปรียบเหมือนดั่งการค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
แม่น้ำสะโตง
จากนั้นนำท่านผ่านชม แม่น้ำสะโตง Sittaung River เป็นแม่น้ำในประเทศพม่ามีความยาว 420 กิโลเมตร เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเขตหงสาวดีกับรัฐมอญ และเป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จหลบหนีกองทัพพม่าของพระมหาอุปราชมังสามเกียด พระองค์ได้หลบหนีข้ามพ้นมา และได้แสดงวีรกรรมยิงพระแสงปืนข้ามลำน้ำสะโตง คือ ยิงปืนคาบศิลาจากอีกฝั่งของแม่น้ำถูกแม่ทัพพม่าชื่อ สุรกรรมา เส (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านผ่านชม แม่น้ำสะโตง Sittaung River เป็นแม่น้ำในประเทศพม่ามีความยาว 420 กิโลเมตร เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเขตหงสาวดีกับรัฐมอญ และเป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จหลบหนีกองทัพพม่าของพระมหาอุปราชมังสามเกียด พระองค์ได้หลบหนีข้ามพ้นมา และได้แสดงวีรกรรมยิงพระแสงปืนข้ามลำน้ำสะโตง คือ ยิงปืนคาบศิลาจากอีกฝั่งของแม่น้ำถูกแม่ทัพพม่าชื่อ สุรกรรมา เสียชีวิตคาคอช้าง เมื่อปี ค.ศ. 1584 ซึ่งต่อมาพระแสงปืนกระบอกนี้ได้ถูกขนามนามว่า พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง
คิมปูนแค้มป์ (Kinpun Camp)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ คิมปูนแค้มป์ (Kinpun Camp) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาไจ้ก์ทิโย นำท่านขึ้นรถบรรทุกหกล้อท้องถิ่นขนาดเล็ก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45น. (หากโปรแกรมทัวร์มีนั่งกระเช้า จะนั่งรถบรรทุกขึ้นไปประมาณ 20 นาทีเพื่อเปลี่ยนไปขึ้นกระเช้า) ใช้เวลาเดินทางสักพักเพื่อเดินทางสู่ยอดเขาไจ้ก์ทิโย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ คิมปูนแค้มป์ (Kinpun Camp) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาไจ้ก์ทิโย นำท่านขึ้นรถบรรทุกหกล้อท้องถิ่นขนาดเล็ก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45น. (หากโปรแกรมทัวร์มีนั่งกระเช้า จะนั่งรถบรรทุกขึ้นไปประมาณ 20 นาทีเพื่อเปลี่ยนไปขึ้นกระเช้า) ใช้เวลาเดินทางสักพักเพื่อเดินทางสู่ยอดเขาไจ้ก์ทิโย
พระธาตุอินทร์แขวน หรือ เจดีย์ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo Pagoda)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน หรือ เจดีย์ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo Pagoda) ในภาษามอญ หมายความว่าหินรูปหัวฤๅษี ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้โท อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ บนยอดเขาพวงลวง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร มีลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็กๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหินกลมๆ สีทอง ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพร (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน หรือ เจดีย์ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo Pagoda) ในภาษามอญ หมายความว่าหินรูปหัวฤๅษี ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้โท อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ บนยอดเขาพวงลวง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร มีลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็กๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหินกลมๆ สีทอง ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์ ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุล ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนา พระธาตุอินทร์แขวนนี้ถือเป็นพระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ บนเส้นทางก่อนขึ้นไปถึงองค์พระธาตุ มีอาคารสร้างเป็นศาลาให้เข้าไปไหว้สองจุด คืออาคารทางด้านซ้าย คือรูปปั้นพระนางชเวนันจิน ซึ่งนางเป็นส่วนหนึ่งในตำนานของพระธาตุอินทร์แขวน มีตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าก่อนที่พระนางจะเสียชีวิต ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะขอดูแลปกปักรักษารอบองค์พระธาตุ และผู้คนที่เดินทางขึ้นมาสักการะองค์พระธาตุให้ปลอดภัยจากอันตรายและโรคภัยต่างๆ จึงมีความเชื่อว่าหากเจ็บป่วยตรงส่วนไหนของร่างกาย เวลาไหว้พระนางให้จับ บีบ นวดรูปปั้นของพระนางตรงส่วนที่เจ็บป่วยนั้น แล้วให้ตั้งจิตอธิษฐาน มาจับร่างกายของเราตรงที่มีอาการเจ็บป่วยก็จะหายได้ ส่วนอาคารทางด้านขวามีภาพเล่าเรื่องประวัติของพระธาตุอินทร์แขวน เเละมีรอยพระพุทธบาทจำลอง มีผู้คนนิยมเอาธนบัตรมาลอยน้ำเเล้วอธิษฐาน ว่ากันว่าถ้าขอบธนบัตรม้วนงอเข้าหากัน แสดงว่าคำอธิษฐานนั้นใกล้ประสบความสำเร็จ ท่านสามารถซื้อแผ่นทองคำเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน (เข้าไปปิดทองได้เฉพาะสุภาพบุรุษ ส่วนสุภาพสตรีสามารถอธิฐาน แล้วฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้ แต่ประตูเหล็กจะเปิดถึงเวลา 22.00 น. เท่านั้น) บริเวณรั้วรอบองค์พระธาตุอินทร์แขวน ก็มักจะมีผู้คนนำระฆังมาแขวน ตามความเชื่อเพื่อให้เกิดความสำเร็จและความมีชื่อเสียง หรือหากต้องการนั่งสมาธิที่พระเจดีย์ก็สามารถนั่งได้ตลอดทั้งคืน แต่ควรเตรียมเสื้อกันหนาว, กันลม, ผ้าห่ม, ผ้าพันคอ และเบาะรองนั่ง เนื่องจากบริเวณพื้นที่นั้นมีความเย็นมาก เวลาเช้าสำหรับผู้ที่ต้องการใส่บาตรพระธาตุอินทร์แขวน สามารถหาซื้อได้โดยจะมีร้านค้าจำหน่าย
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
YOE YOE LAY HOTEL
เข้าสู่โรงแรมที่พัก YOE YOE LAY HOTEL หรือเทียบเท่า
เข้าสู่โรงแรมที่พัก YOE YOE LAY HOTEL หรือเทียบเท่า
* หมายเหตุ : ในกรณีพักโรงแรม Golden Rock Hotel จะขึ้นอินแขวนได้แค่ครั้งเดียวค่ะ
วันที่ 2
ตักบาตร ณ พระธาตุอินทร์แขวน / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / วัดพระนอนยิ้มหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) / วัดพระสี่ทิศ หรือ วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา) / วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี Chauk Htat Gyi Buddha Temple) / เจดีย์โบตะทาวน์ (Botataung Pagoda) / เทพทันใจ และเทพกระซิบ / พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ชาบูชิ) / โรงแรมระดับ 4 ดาว BEST WESTERN HOTEL YANGON 4 STAR+
ช่วงเช้า
ตักบาตร ณ พระธาตุอินทร์แขวน
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า ให้ท่านได้อิสระตามอัธยาศัย สำหรับผู้ที่ต้องการใส่บาตรยามเช้าสามารถซื้อได้ โดยบริเวณรอบๆ พระธาตุอินทร์แขวนจะมีชาวบ้านมาขายเป็นชุด ราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 จ๊าด ดอกไม้ธูป-เทียน ประมาณ 300-500 จ๊าด สามารถซื้อทำบุญได้ตามอัธยาศัย
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า ให้ท่านได้อิสระตามอัธยาศัย สำหรับผู้ที่ต้องการใส่บาตรยามเช้าสามารถซื้อได้ โดยบริเวณรอบๆ พระธาตุอินทร์แขวนจะมีชาวบ้านมาขายเป็นชุด ราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 จ๊าด ดอกไม้ธูป-เทียน ประมาณ 300-500 จ๊าด สามารถซื้อทำบุญได้ตามอัธยาศัย
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
* ออกเดินทางกลับ เปลี่ยนนั่งรถบรรทุกหกล้อ ถึงคิมปุนแค้มป์ เปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ พร้อมนำท่านเดินทางสู่กรุงหงสาวดี
วัดพระนอนยิ้มหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระนอนยิ้มหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) พาท่านกราบนมัสการพระพุทธไสยาสน์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่า พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวมีความยาว 60 เมตร สูง 17 เมตร สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามิคทิปปะ ใน ค.ศ. 994 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ พระพุทธไสยาสน์มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน ด้านหลังพระองค์มี (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระนอนยิ้มหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) พาท่านกราบนมัสการพระพุทธไสยาสน์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่า พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวมีความยาว 60 เมตร สูง 17 เมตร สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามิคทิปปะ ใน ค.ศ. 994 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ พระพุทธไสยาสน์มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน ด้านหลังพระองค์มีภาพวาดที่สวยงาม เมื่อครั้งก่อนพระพุธรูปองค์นี้ถูกปล่อยให้ทรุดโทรมจนกลายเป็นเพียงกองอิฐท่ามกลางป่ารก จนถึงปี ค.ศ. 1881 เมื่ออังกฤษสร้างทางรถไฟสายพม่า และได้มีการขุดพบพระนอนองค์นี้ จากนั้นในปี ค.ศ. 1948 หลังจากที่พม่าได้รับเอกราชก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่โดยทาสีและปิดทองใหม่ จนกลายเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามในปัจจุบัน
วัดพระสี่ทิศ หรือ วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระสี่ทิศ หรือ วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) ชมเจดีย์ซึ่งมีอายุมากกว่า 500 ปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ ที่มีความงดงามเป็นเอกของศิลปะแบบมอญ แทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ ประกอบ ด้วยพระสมณะโคดม (ทิศเหนือ), พระโกนาคม (ทิศใต้), พระกกุสันโธ (ทิศตะวันออก) และพระมหากัสสปะ (ทิศตะวันตก) ตำนานเล่าว่า พระรา (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระสี่ทิศ หรือ วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) ชมเจดีย์ซึ่งมีอายุมากกว่า 500 ปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ ที่มีความงดงามเป็นเอกของศิลปะแบบมอญ แทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ ประกอบ ด้วยพระสมณะโคดม (ทิศเหนือ), พระโกนาคม (ทิศใต้), พระกกุสันโธ (ทิศตะวันออก) และพระมหากัสสปะ (ทิศตะวันตก) ตำนานเล่าว่า พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่นๆ คือจะเป็นศิลปะแบบพม่า
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา)
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วยเมนูอาหารพื้นเมือง และเมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำย่าง
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วยเมนูอาหารพื้นเมือง และเมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำย่าง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี Chauk Htat Gyi Buddha Temple)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี Chauk Htat Gyi Buddha Temple) นำท่านสักการะพระนอนที่มีความสวยงายที่สุดและดวงตาสวยที่สุดของประเทศพม่า ที่บริเวณพระบาทมีภาพวาดรูปสรรพสิ่ง อันล้วนเป็นมิ่งมงคลสูงสุด ประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักรข้างละองค์ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาท และล้อมด้วยรูปอัฎจุตรสตกมงคล 108 ประการ พระบาทมีลักษณะซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี Chauk Htat Gyi Buddha Temple) นำท่านสักการะพระนอนที่มีความสวยงายที่สุดและดวงตาสวยที่สุดของประเทศพม่า ที่บริเวณพระบาทมีภาพวาดรูปสรรพสิ่ง อันล้วนเป็นมิ่งมงคลสูงสุด ประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักรข้างละองค์ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาท และล้อมด้วยรูปอัฎจุตรสตกมงคล 108 ประการ พระบาทมีลักษณะซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย
เจดีย์โบตะทาวน์ (Botataung Pagoda)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์โบตะทาวน์ (Botataung Pagoda) ซึ่งโบตะทาวน์ แปลว่า เจดีย์นายทหาร 1000 นาย เจดีย์โบตะทาวน์เป็นเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เมื่อเดินเข้าไปในเจดีย์สามารถมองเห็นพระเกศาธาตุได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมภายในบริเวณรอบๆเจดีย์คือ พระพุธรูปทองคำ ประดิษฐานในวิหารด้านขวามือ เป็นพระพุธรูปปางมารวิชัยท (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์โบตะทาวน์ (Botataung Pagoda) ซึ่งโบตะทาวน์ แปลว่า เจดีย์นายทหาร 1000 นาย เจดีย์โบตะทาวน์เป็นเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เมื่อเดินเข้าไปในเจดีย์สามารถมองเห็นพระเกศาธาตุได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมภายในบริเวณรอบๆเจดีย์คือ พระพุธรูปทองคำ ประดิษฐานในวิหารด้านขวามือ เป็นพระพุธรูปปางมารวิชัยที่มีลักษณะงดงามยิ่งนัก ตามประวัติว่าเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ ครั้งเมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมอังกฤษในปี ค.ศ. 1885 ถูกเคลื่อนย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์กัลป์กัตตาในประเทศอินเดีย ทำให้รอดพ้นจากระเบิดของฝ่ายพัธมิตรที่ถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1945 พระพุทธรูปองค์นี้ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและแอลเบร์ต และด้านซ้ายมือจะเป็นรูปปั้น นัตโบโบยี หรือเทพทันใจ ซึ่งชาวพม่ารวมถึงชาวไทยนิยมไปกราบไหว้บูชา ด้วยที่เชื่อว่าเมื่ออธิษฐานสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ
เทพทันใจ และเทพกระซิบ
จากนั้นนำท่านสักการะ เทพทันใจ หรือนัตโบโบยี (Natbobo Gyi) เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย เป็นเทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค วิธีการสักการะเทพทันใจ สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ กล้วย ดอกไม้ และมะพร้าวอ่อน จากนั้นเตรียมธนบัตร 2 ใบ (จะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้) ม้วนเป็นรูปกรวย นำไปใส่ไว้ในมือของเทพทันใจ จากนั้นใช้หน้าผากของเราแตะกับนิ้วของเทพทันใจที่ชี้อยู่ ให้ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความสงบนิ่ง ขอได้แ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านสักการะ เทพทันใจ หรือนัตโบโบยี (Natbobo Gyi) เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย เป็นเทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค วิธีการสักการะเทพทันใจ สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ กล้วย ดอกไม้ และมะพร้าวอ่อน จากนั้นเตรียมธนบัตร 2 ใบ (จะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้) ม้วนเป็นรูปกรวย นำไปใส่ไว้ในมือของเทพทันใจ จากนั้นใช้หน้าผากของเราแตะกับนิ้วของเทพทันใจที่ชี้อยู่ ให้ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความสงบนิ่ง ขอได้แค่ 1 อย่างเท่านั้น แล้วดึงธนบัตรที่ม้วนไว้คืนกลับมา 1 ใบ เพื่อเก็บไว้เป็นเงินขวัญถุง หลังจากนั้นเดินวนรอบตัวท่าน นำผ้าไปคลุมไหล่ และอ้อมไปจับไม้เท้าของท่าน ยกมือไหว้ขอบคุณ เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นนำท่านสักการะ เทพกระซิบ หรืออะมาดอว์เมี๊ยะ (Ahmagyi Mya Nan Nwe) ข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน ตรงข้ามกับเจดีย์โบตาทาวน์ เพื่อสักการะเทพกระซิบ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้ารักษาศีลไม่ยอมกินเนื้อสัตว์ จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว การขอพรเทพกระซิบ ต้องไปกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ห้ามให้คนอื่นได้ยิน จากนั้นก็นำน้ำนมไปจ่อไว้ที่ปาก แล้วบูชาด้วยข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยปี เดิมเป็นดินแดนของมอญมีชื่อเดิมว่าดากอง หรือตะเกิง ก่อนจะถูกพม่ายึดครองไปแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นย่างกุ้ง ชเวดากอง จึงแปลว่า เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง ซึ่งเป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาล โดยเฉพาะมีโบราณราชประเพณีที่กษัตริย (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยปี เดิมเป็นดินแดนของมอญมีชื่อเดิมว่าดากอง หรือตะเกิง ก่อนจะถูกพม่ายึดครองไปแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นย่างกุ้ง ชเวดากอง จึงแปลว่า เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง ซึ่งเป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาล โดยเฉพาะมีโบราณราชประเพณีที่กษัตริย์จะขึ้นครองราชบัลลังก์ จะต้องถวายทองคำหนักเท่ากับน้ำหนักของพระองค์เอง องค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดมีน้ำหนัก 23 ตัน ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น และเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้ง 3 พระองค์ คือ พระกกุสันธะพุทธเจ้า, พระโกนาคมนะพุทธเจ้า และพระกัสสปะพุทธเจ้า บนยอดประดับด้วยเพชรพลอย และอัญมณีต่างๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอด บริเวณรอบเจดีย์ท่านจะได้ชมความงามของวิหาร 4 ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาทซ้อนเป็นชั้นๆ งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น สถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐาน จุดที่พระเจ้าบุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและเป็นสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมี พระประจำวันเกิด ประดิษฐานทั้ง 8 ทิศ รวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต การบูชาคือท่านเกิดวันใด ก็ให้ไปบูชาและสรงน้ำที่บริเวณนั้นๆ ตามตำแหน่งทั้ง 4 คือ 1) ที่องค์พระ, 2) ที่องค์เทวดา, 3) ที่เสา, 4) ที่สัตว์สัญลักษณ์ ในเวลาพลบค่ำสามารถชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรได้ โดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเขียว, สีเหลือง, สีแดง เป็นต้น
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ชาบูชิ)
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร อร่อยเต็มอิ่มกับเมนูพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ชาบูชิ สุกี้หม้อไฟสไตล์พม่า
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร อร่อยเต็มอิ่มกับเมนูพิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ชาบูชิ สุกี้หม้อไฟสไตล์พม่า
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
โรงแรมระดับ 4 ดาว BEST WESTERN HOTEL YANGON 4 STAR+
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว BEST WESTERN HOTEL YANGON 4 STAR+ หรือเทียบเท่า
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว BEST WESTERN HOTEL YANGON 4 STAR+ หรือเทียบเท่า
วันที่ 3
รับประทานอาหารเช้าบนรถแบบ Box set / ท่าอากาศยานนานชาติย่างกุ้งสู่เมืองพุกาม / เมืองพุกาม / พระเจดีย์ชเวสิกอง / วัดอนันดา / วัดมนุหา / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / เครื่องเขิน / วัดกุบยางกี / วัดติโลมินโล / เจดีย์สัพพัญญู / วิหารธรรมยันจี / จุดชมวิวทะเลเจดีย์ / รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก / Su Thein San Hotel
ช่วงเช้า
รับประทานอาหารเช้าบนรถแบบ Box set
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าแบบ Box set อย่างดี ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้า
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าแบบ Box set อย่างดี ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้า
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
ท่าอากาศยานนานชาติย่างกุ้งสู่เมืองพุกาม
นำท่านเดินทางสู่สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ ออกเดินทางสู่สนามบินยองลู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม
นำท่านเดินทางสู่สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ ออกเดินทางสู่สนามบินยองลู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม
* 07.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินยองลู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม โดย สายการบิน Air Mandalay เที่ยวบินที่ 6T 401
เมืองพุกาม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพุกาม (Bagan) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพุกาม (Bagan) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่อาริยธรรมของประเทศ
พระเจดีย์ชเวสิกอง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ชเวสิกอง มีหมายความว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมาย (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ชเวสิกอง มีหมายความว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมายังเมืองพุกาม และได้กวาดต้อนชาวบ้านรวมทั้งกษัตริย์มอญให้มาเป็นเชลยศึกที่พุกาม เจดีย์ชเวสิกองสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิทธา เมื่อปี ค.ศ. 1113 ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญมาจากลังกาบนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธาได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใดจะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่ารัดอก แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออกมีหลุมขนาดเล็กเรียกว่า หลุมสมดุลเจดีย์ ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ ชาวพม่าเล่าขานว่าที่หลุมนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว โดยช่างสมัยโบราณใช้ดูสมดุลไม่ให้เจดีย์เอียงขณะก่อสร้าง และบ้างก็ว่าเพราะเจดีย์มีความสูงมาก จึงต้องทำหลุมไว้ให้พระมหากษัตริย์เสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกุศล ได้ทอดพระเนตรยอดเจดีย์ได้ชัดเจน อีกทั้งอาการที่ต้องคุกเข่าดู ก็เป็นการแสดงความคารวะพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
วัดอนันดา
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ล (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามสุดในพุกาม ได้รับการยกย่องว่าคือสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม ตามตำนานเล่าว่า วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันสิทธา อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป พระอรหันต์เหล่านั้นได้ทูลถึง ลักษณะวัดในอินเดีย ถวายพระเจ้าจันสิทธา พระองค์พอพระทัยมาก และโปรดเกล้าให้สร้างวัดขึ้นตามลักษณะที่พระอรหันต์พรรณนา แล้วตั้งชื่อว่า วัดอนันดา ตามชื่อถ้ำที่อยู่ของพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้น วิหารแห่งนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใหญ่โต สูงสง่า มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน แต่ละช่องประดิษฐานอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 4 องค์ ได้แก่ 1) พระกกุสันธะ ในทิศเหนือ 2) พระโกนาคมน์ ในทิศตะวันออก 3) พระกัสสปะ ในทิศใต้ 4) พระสมณโคดม ในทิศตะวันตก โดยพระแต่ละองค์สูงกว่า 10 เมตร สีทองอลังการสวยงามมาก โดยเฉพาะองค์พระกัสสปะจะมีลักษณะพิเศษอีกอย่างคือ เวลายืนไกลๆ จะเห็นองค์พระยิ้ม แต่ว่าพอเดินเข้ามาใกล้ๆ จะกลายเป็นหน้าบึ้งแทน และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ทำให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์
วัดมนุหา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนุหา (Manuha Temple) สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนุหากษัตริย์ของชาวมอญ เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่เข้าตีเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนุหาและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบาทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี ค.ศ. 1059 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนุหา สร้างวัดมนุหาขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนุหา (Manuha Temple) สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนุหากษัตริย์ของชาวมอญ เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่เข้าตีเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนุหาและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบาทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี ค.ศ. 1059 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนุหา สร้างวัดมนุหาขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล กษัตริย์มอญทรงระบายความรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจในพระราชหฤทัยของพระองค์ ในระหว่างที่ทรงถูกคุมขัง ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากจนคับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า พระอึดอัด มาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นทางด้านหลังยังมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่โตมากเช่นกัน ทว่ามีพระโอษฐ์ที่ยิ้ม จึงตีความว่าพระเจ้ามนุหาอาจจะมีพระประสงค์ที่จะสื่อความหมายว่า มีเพียงความตายเท่านั้นที่ทำให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์มีอิสรภาพ
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
เครื่องเขิน
จากนั้นนำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม
จากนั้นนำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม
วัดกุบยางกี
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธา สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า Fresco สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหาร หรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธา สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า Fresco สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหาร หรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย
วัดติโลมินโล
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตามพงศาวดารกล่าวว่าในสมัยพระเจ้านรปติสิทธูครองราชย์ ทรงมีราชบุตรเกิดจากพระสนมด้วยกันทั้งสิ้น 5 พระองค์ ทรงมีพระประสงค์จะเลือกองค์หนึ่งเป็นรัชทายาทโดยพิธีเสี่ยงทาย เพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น จึงทรงเอาเศวตฉัตรปักลงกลางแจ้ง แล้วให้ราชบุตรทั้ง 5 องค์นั้นนั่งเรียงรายทิศละองค์ ทรงอธิษฐานว่าถ้าราชบุตรองค์ไหนมีบุญญาธิการสมควรจะครองแผ่นดิน ขอให้เกิดนิมิตให้เห็นปรากฏ ขณะนั้นองค์เศวตฉัตรได้โน้มไปทางราชบุตรน้อยนามว่า เจ้าชัยสังข์ จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เจ้าพี่ทั้ง 4 องค์ก็ยินยอมด้วยดีและได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมา ทรงพระนามว่า พระเจ้านันตองมยา แต่ในพงศาวดารพม่ามักเรียกว่า พระเจ้าติโลมินโล ซึ่งมีความหมายว่า เอาฉัตรตั้งกษัตริย์ พระเจ้าติโลมินโลได้ทรงสร้างวัดขึ้นตรงที่ประกอบพิธีตั้งเศวตฉัตรเสี่ยงทาย อันเป็นที่ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทจึงเรียกชื่อวัดว่า วัดติโลมินโล อย่างไรก็ตามนักปราชญ์ชาวพม่าบางรายตีความว่า ติโลมินโล อาจเพี้ยนเสียงมาจาก ไตรโลกมงคล หรือ ผู้ได้รับพรอันเป็นมงคลจากสามโลก เป็นวัดที่สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ อาจหมายถึงอดีตพระพุทธเจ้า เป็นวิหาร 2 ชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ และลวดลายปูนปั้นอันประณีตสวยงาม วิหารแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิหารองค์สุดท้ายที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม
เจดีย์สัพพัญญู
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) ในภาษาพม่า เรียกว่า ตะบินยู แปลว่า เจดีย์แห่งความรอบรู้ จัดเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงประมาณ 61 เมตร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู จัดเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในพม่า เนื่องจากพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์ใจบุญ รูปทรงคล้ายวัดอนันดาแต่แผนผัง (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) ในภาษาพม่า เรียกว่า ตะบินยู แปลว่า เจดีย์แห่งความรอบรู้ จัดเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงประมาณ 61 เมตร ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู จัดเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาในพม่า เนื่องจากพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์ใจบุญ รูปทรงคล้ายวัดอนันดาแต่แผนผังยาวกว่า ตัววิหารชั้นบนนั้นสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านในกลวง ซ้อนอยู่บนตัววิหารชั้นล่างที่มีขนาดใหญ่กว่า นับเป็นเอกลักษณ์ของวัดพม่าโดยเฉพาะ ต่างจากวัดมอญที่นิยมสร้างเป็นวิหารชั้นเดียว เจดีย์นี้มี 5 ชั้น ชั้นล่าง สำหรับชาวบ้านผู้มาทำบุญ, ชั้น 2 สำหรับพระภิกษุ, ชั้น 3 ประดิษฐานพระประธานของวัด, ชั้น 4 เก็บคัมภีร์พระไตรปิฎก และ ชั้น 5 เป็นองค์สถูปประดิษฐานพระบรมธาตุ ถ้าต้องการขึ้นไปชั้นบนต้องใช้บันไดด้านในขึ้นไปยังลานชั้นสามของเจดีย์ มองออกไปจะเห็นวัดอนันดา และทิวทัศน์โดยรวมของเมืองพุกามอันงดงามตระการตา
วิหารธรรมยันจี
ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาปด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจtติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาปด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจtติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
จุดชมวิวทะเลเจดีย์
นำท่านสู่ จุดชมวิวทะเลเจดีย์ ที่สวยงาม และหมู่บ้านเก่าแก่ของเมืองพุกาม ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ
นำท่านสู่ จุดชมวิวทะเลเจดีย์ ที่สวยงาม และหมู่บ้านเก่าแก่ของเมืองพุกาม ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก
ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรส อาหารพื้นเมือง
ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรส อาหารพื้นเมือง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
Su Thein San Hotel
นำขณะเข้าสู่ที่พัก Su Thein San Hotel หรือระดับเทียบเท่า
นำขณะเข้าสู่ที่พัก Su Thein San Hotel หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 4
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / สนามบินยองลู / สนามบินมัณฑะเลย์ / พระราชวังมัณฑะเลย์ / พระราชวังไม้สักชเวนานจอง / วัดกุโสดอร์ / รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง / เมืองมิงกุน / หมู่บ้านมิงกุน / มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน / ระฆังยักษ์มิงกุน / เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน / วัดกุสินารา / ภูเขามัณฑะเลย์ / รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา) / HOTEL YI LINK MANDALAY
ช่วงเช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
สนามบินยองลู
นำท่านเดินทางสู่สนามบินยองลู สู่เมืองมัณฑะเลย์
นำท่านเดินทางสู่สนามบินยองลู สู่เมืองมัณฑะเลย์
* 08.05 น.ออกเดินทางสู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน Air Mandalay เที่ยวบินที่ 6T401
สนามบินมัณฑะเลย์
เดินทางถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
เดินทางถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
พระราชวังมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายราชธานีมาจากอมรปุระ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังป็นหมู่อาคารไม้และตึก ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายราชธานีมาจากอมรปุระ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังป็นหมู่อาคารไม้และตึก ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม
พระราชวังไม้สักชเวนานจอง
เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงย (อ่านต่อ)
เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัดถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง
วัดกุโสดอร์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบม (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม
ช่วงบ่าย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
รับประทานอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น ณ ภัตตาคาร
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
เมืองมิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิงกุน (Mingun) เป็นเมืองเล็กๆ ตรงจุดศูนย์กลางของประเทศพม่า ที่ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีบนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิงกุน (Mingun) เป็นเมืองเล็กๆ ตรงจุดศูนย์กลางของประเทศพม่า ที่ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีบนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์
หมู่บ้านมิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมิงกุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดีและไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้น ทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็นกึ่งบ้านกึ่งแพ เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลากระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมิงกุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดีและไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้น ทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็นกึ่งบ้านกึ่งแพ เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลากระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอนครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำเพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน
มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน (Mingun Pa Hto Taw Gyi) ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน (Mingun Pa Hto Taw Gyi) ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงก็เสด็จสวรรคต มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐานเท่านั้น ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1838 พระเจดีย์พังถล่มลงมา แตกหักเสียหายจนไม่สามารถสร้างต่อได้ เกิดรอยร้าวแยกปริ เป็นแนวยาว คงเหลือไว้แต่เพียกองอิฐขนาดมหึมา โดยส่วนที่เหลือบริเวณฐานเจดีย์นี้ มีความสูงถึง 50 เมตร แต่ละด้านกว้าง 72 เมตร ปัจจุบันชาวพม่า เรียกเจดีย์องค์นี้ว่า ปาโตดอจี แปลว่า เจดีย์ใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จ
ระฆังยักษ์มิงกุน
จากนั้นนำท่านชม ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) อยู่ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุน พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่ออุทิศถวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่าพระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแ (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านชม ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) อยู่ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุน พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่ออุทิศถวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่าพระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งในพระราชวังเครมลิน, กรุงมอสโก เพียงใบเดียวเท่านั้น ทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวานได้จนถึงปัจจุบันนี้
เจดีย์ชินพิวมิน หรือเมียะเต็งดาน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชินพิวมิน (Hsinbyume Paya) หรือเมียะเต็งดาน ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่างามมากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1816 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์สถิต (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชินพิวมิน (Hsinbyume Paya) หรือเมียะเต็งดาน ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่างามมากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1816 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลางยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางโลกและจักรวาลล้อมรอบด้วยขุนเขา และมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ โดยสร้างฐานเจดีย์ลดหลั่นกันไปเจ็ดชั้น ทำให้เหมือนมีระเบียงทางเดินเป็นเกลียวคลื่น
วัดกุสินารา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุสินารา (Kusinara Pagoda) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามัณฑะเลย์ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ปางปรินิพพาน สวยงามมาก ถัดไปมีรูป ฤาษี อูขันติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สร้างวัดแป่งนี้ แต่เดิมนั้นเป็นเพียงวัดร้างที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่ารกทึบ ต่อมาถูกค้นพบโดยเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ฮิลล์ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไทย ตัววิหารประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น จำลองรูปแบบให้เป็นสวนสาละ ที่กำลังผลิดอกแย้มส (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดกุสินารา (Kusinara Pagoda) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามัณฑะเลย์ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ปางปรินิพพาน สวยงามมาก ถัดไปมีรูป ฤาษี อูขันติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สร้างวัดแป่งนี้ แต่เดิมนั้นเป็นเพียงวัดร้างที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่ารกทึบ ต่อมาถูกค้นพบโดยเจ้าของโรงแรมมัณฑะเลย์ฮิลล์ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวไทย ตัววิหารประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น จำลองรูปแบบให้เป็นสวนสาละ ที่กำลังผลิดอกแย้มสวยงามทั้วทั้งวิหาร
ภูเขามัณฑะเลย์
นำท่านเดินทางสู่ ภูเขามัณฑะเลย์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร บันไดทางขึ้นมีรูปปั้นสิงห์สีขาวขนาดมหึมา 2 ตัว นั่งเฝ้าอยู่ ต้องถอดรองเท้าเดินขึ้นไปมีบันไดจำนวน 1,729 ขั้น ระหว่างทางมีปูชนียสถานให้สักการะบูชาเป็นระยะๆ หรือสามารถนั่งรถสองแถวแล้วใช้ลิฟต์ขึ้นไปจนถึงบริเวณยอดเขาก็จะพบวิหาร ซูตองพญา ภายใต้วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ คือ พระกกุสันโธ (อ่านต่อ)
นำท่านเดินทางสู่ ภูเขามัณฑะเลย์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร บันไดทางขึ้นมีรูปปั้นสิงห์สีขาวขนาดมหึมา 2 ตัว นั่งเฝ้าอยู่ ต้องถอดรองเท้าเดินขึ้นไปมีบันไดจำนวน 1,729 ขั้น ระหว่างทางมีปูชนียสถานให้สักการะบูชาเป็นระยะๆ หรือสามารถนั่งรถสองแถวแล้วใช้ลิฟต์ขึ้นไปจนถึงบริเวณยอดเขาก็จะพบวิหาร ซูตองพญา ภายใต้วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ คือ พระกกุสันโธ, พระโกนาคมน์, พระกัสสปะ, และพระสมณโคดม รอบวิหารมีระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพเมืองมัณฑะเลย์ และสามารถมองเห็นแม่น้ำอิรวดี, พระราชวังมัณฑะเลย์, วัดกุโสดอ และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอันสวยงามบนยอดเขามัณฑะเลย์แห่งนี้
ช่วงค่ำ
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร (เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผา)
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วยเมนูอาหารพื้นเมือง และเมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำย่าง
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วยเมนูอาหารพื้นเมือง และเมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำย่าง
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
HOTEL YI LINK MANDALAY
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมระดับ 3 ดาว HOTEL YI LINK MANDALAY หรือเทียบเท่า
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมระดับ 3 ดาว HOTEL YI LINK MANDALAY หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี / รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม / เมืองอมรปุระ / สะพานไม้สักอูเบ็ง / สนามบินมัณฑะเลย์ / ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
ช่วงเช้า
ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี
นำท่านชมและร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี พระมหามัยมุนีนับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวของพม่า ที่ชาวพม่านับถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจหรือยังมีชีวิต จึงได้มีการทำพิธีล้างพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกเช้ามืด จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงการกราบสักการะบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่การล้างพระพักตร์ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานเปรียบประ (อ่านต่อ)
นำท่านชมและร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี พระมหามัยมุนีนับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวของพม่า ที่ชาวพม่านับถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจหรือยังมีชีวิต จึงได้มีการทำพิธีล้างพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกเช้ามืด จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงการกราบสักการะบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่การล้างพระพักตร์ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานเปรียบประหนึ่งว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต ทุกๆ เช้าตั้งแต่เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป จะมีการล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี โดยพระเจ้าอาวาสเป็นผู้ทำพิธีและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการคอยช่วยเหลือ มีการเปิดมโหรีขับกล่อมขณะนำน้ำมาล้างพระโอษฐ์ นำแปรงสีฟันมาแปรงพระทนต์ให้ หลังจากนั้นจะนำน้ำหอมทานาคามาเช็ดถูพระพักตร์ แล้วนำผ้าขาวหรือผ้าสะอาดมาเช็ดทานาคาออก (ผ้าสะอาดเป็นของญาติโยมที่เตรียมมาให้เช็ดและนำเก็บกลับไปไว้บูชา) หลังจากพิธีล้างพระพักตร์แล้ว จะนำภัตตาหารมาถวายให้พระมหามัยมุนีฉันท์ จึงเป็นอันเสร็จพิธี จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง เสร็จพิธีตอนเวลาตี 05.00 น.
* 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ชาวพม่าให้ความเคารพบูชา ถือว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ครบทั้ง 5 แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่โรงแรม และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
* ภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
เมืองอมรปุระ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอมรปุระ (Amarapura) เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งผู้ที่เป็นอมตะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ เป็นเมืองหลวงเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของพม่าได้เพียง 76 ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ในปี ค.ศ. 1857
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอมรปุระ (Amarapura) เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งผู้ที่เป็นอมตะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ เป็นเมืองหลวงเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของพม่าได้เพียง 76 ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ในปี ค.ศ. 1857
สะพานไม้สักอูเบ็ง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานไม้สักอูเบ็ง (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงมายังอมรปุระ พระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางที่ชื่อ อูเบ็ง ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างสะพาน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานอูเบ็ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน มุ่งตรงไปยั (อ่านต่อ)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานไม้สักอูเบ็ง (U Bein Bridge) เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงมายังอมรปุระ พระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางที่ชื่อ อูเบ็ง ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างสะพาน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานอูเบ็ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน มุ่งตรงไปยังเจดีย์เจ๊าตอจีซึ่งอยู่อีกฟากของทะเลสาบ สามารถใช้บริการเรือพายเพื่อชมวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆ ทะเลสาบได้
สนามบินมัณฑะเลย์
จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศพม่า และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
จดจำและอำลาช่วงเวลาแห่งความสุขในประเทศพม่า และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
* 12.50 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 245 ** มีบริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
ช่วงบ่าย
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport)
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง (Don Mueang International Airport) โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
ไฮไลท์
วันเดินทาง
ตารางเที่ยว
เงื่อนไข
** หากท่านที่ต้องออกตั๋วภายใน (เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจาก สายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ท หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า **

อัตราค่าบริการรวม

  1. ตั๋วเครื่องบินชั้นทัศนาจรไป -กลับพร้อมกรุ๊ป อยู่ต่อต้องเสียค่าเปลี่ยนแปลงตั๋ว
  2. ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ 2 ขา เส้นทาง ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์
  3. ที่พักโรงแรมตามรายการ 4 คืน (กรณีมาไม่ครบคู่และไม่ต้องการเพิ่มเงินพักห้องเดี่ยว)
  4. อาหารตามรายการระบุ(สงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
  5. ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ 
  6. ค่ารถโค้ชรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
  7. ค่าไกด์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวตามรายการ
  8. ประกันอุบัติเหตุวงเงิน 1,000,000 บาท (เป็นไปเงื่อนไขตามกรมธรรม์)
  9. ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด(สงวนสิทธิเก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)
  10. ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 20 กก.ต่อ 1 ใบ


อัตราค่าบริการไม่รวม

  1. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
  2. ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  3. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  4. ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  5. ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,คนขับรถ,ผู้ช่วยคนขับรถ 1,000 บาท/ทริป/ลูกทัวร์ 1 ท่าน(บังคับตามระเบียบธรรมเนียมของประเทศค่ะ)
  6. ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ตามสินน้ำใจของทุกท่านค่ะ(ไม่รวมในทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถนะคะแต่ไม่บังคับทิปค่ะ)

** ขณะนี้รัฐบาลไทยและเมียนมาร์ได้ลงนามความตกลง ยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ และจะมีสิทธิพำนักในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2558 ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงจะต้องกลับมายื่นวีซ่าปกติอีก ทางทัวร์จะต้องเรียกเก็บค่าวีซ่าเพิ่มอีกท่านละ 1,000 บาท **


เงื่อนไขการสำรองที่นั่งและการยกเลิกทัวร์

กรุณาจองทัวร์ล่วงหน้า ก่อนการเดินทาง พร้อมชำระมัดจำ 5,000 บาทส่วนที่เหลือชำระทันทีก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 30 วัน มิฉะนั้นถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยอัตโนมัติ(ช่วงเทศกาลกรุณาชำระก่อนเดินทาง 20 วัน)


กรณียกเลิก 

  1. ยกเลิกการเดินทางก่อนการเดินทาง 40 วัน บริษัทฯจะคืนเงินค่ามัดจำให้ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีวันหยุดเทศกาล,วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์การคืนเงินมัดจำโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
  2. ยกเลิกภายใน 30 วัน ก่อนการเดินทาง บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์การคืนเงินค่าทัวร์ทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
  3. กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯจะทำการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไปแต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางได้ตามความเป็นจริง ในกรณีเจ็บป่วยกะทันหันก่อนล่วงหน้าเพียง 7 วันทำการ ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี
  4. บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมดกรณีท่านยกเลิกการเดินทางและมีผลทำให้คณะเดินทางไม่ครบตามจำนวนที่บริษัทฯกำหนดไว้(15 ท่านขึ้นไป)เนื่องจากเกิดความเสียหายต่อทางบริษัทฯและผู้เดินทางอื่นที่เดินทางในคณะเดียวกัน บริษัทต้องนำไปชำระค่าเสียหายต่างๆที่เกิดจากการยกเลิกของท่าน
  5. คณะผู้เดินทางจำนวน 10 ท่านขึ้นไปจึงออกเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทางไม่ถึง 10 ท่านขอสงวนสิทธิ์เลื่อนวันเดินทางหรือยกเลิกการเดินทางโดยทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า 10 วันก่อนการเดินทาง
  6. กรณีที่ท่านต้องออกตั๋วภายใน เช่น (ตั๋วเครื่องบิน,ตั๋วรถทัวร์,ตั๋วรถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋ว เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆในกรณีถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบินเพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว
  7. กรณีใช้หนังสือเดินทางราชการ(เล่มน้ำเงิน)เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวกับคณะทัวร์ หากท่านถูกปฏิเสธในการเข้า-ออกประเทศใดๆก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าทัวร์และรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น


รายละเอียดเพิ่มเติม

  1. บริษัทฯมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมทัวร์ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้ 
  2. เที่ยวบิน , ราคาและรายการท่องเที่ยว สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
  3. หนังสือเดินทางต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และบริษัทฯรับเฉพาะผู้มีจุดประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น (หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน บริษัทฯไม่รับผิดชอบหากอายุเหลือไม่ถึงและไม่สามารถเดินทางได้ )
  4. ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากเกิดความล่าช้าของสายการบิน,สายการบินยกเลิกบิน , การประท้วง,การนัดหยุดงาน,การก่อจลาจล หรือกรณีท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือ เจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งจากไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯหรือเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ(ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม)
  5. ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากผู้เดินทางประสบเหตุสภาวะฉุกเฉินจากโรคประจำตัว ซึ่งไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุในรายการท่องเที่ยว(ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัททัวร์)
  6. ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากท่านใช้บริการของทางบริษัทฯไม่ครบ อาทิ ไม่เที่ยวบางรายการ,ไม่ทานอาหารบางมื้อ,เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางบริษัทฯได้ชำระค่าใช้จ่ายให้ตัวแทนต่างประเทศแบบเหมาจ่ายขาด ก่อนเดินทางเรียบร้อยแล้วเป็นการชำระเหมาขาด
  7. ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหายจากการโจรกรรมและหรือเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเองหรือในกรณีที่กระเป๋าเกิดสูญหายหรือชำรุดจากสายการบิน
  8. กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯและในต่างประเทศปฎิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศที่ระบุไว้ในรายการเดินทาง บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
  9. ตั๋วเครื่องบินเป็นตั๋วราคาพิเศษ กรณีที่ท่านไม่เดินทางพร้อมคณะไม่สามารถนำมาเลื่อนวันหรือคืนเงินและไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้
  10. เมื่อท่านตกลงชำระเงินไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนผ่านตัวแทนของบริษัทฯหรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านได้ยอมรับในเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆที่ได้ระบุไว้ข้างต้นนี้แล้วทั้งหมด
  11. กรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุดหรือเทศกาลที่ต้องการันตีมัดจำกับสายการบินหรือผ่านตัวแทนในประเทศหรือต่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ เช่น Charter Flight , Extra Flightจะไม่มีการคืนเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมด


** ก่อนตัดสินใจจองทัวร์ควรอ่านเงื่อนไขการเดินทางอย่างถ่องแท้แล้วจึงมัดจำเพื่อประโยชน์ของท่านเอง**


กรอก Email เพื่อรับข่าวสารโปรโมชั่นก่อนใคร !
Copyright © 2012 - 2024 Chill Square Travel Co.,Ltd. , All Rights Reserved. บริษัท ชิล สแควร์ ทราเวล จำกัด 8/17 ตรอกราชดำริห์ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/11698 Call Center: 094-545-3905 Email: [email protected]
กดโทร
ทักเฟสบุค
ไลน์หาเรา