ใครคนนึงเคยบอกว่า “คนที่ไม่เดินทางท่องเที่ยวย่อมไม่รู้คุณค่าของชีวิต” ครั้นจะออกเดินทางทั้งที เราจะเที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี จากการจัดอันดับของนิตยสาร Travel + Leisure แนะนำพิกัดน่าเดินทางที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 ไว้ค่ะ และผู้เขียนขออนุญาตหยิบยกมาเล่าให้ฟังเป็นไอเดียเช่นเคยจ้า

1. อดิรอนแด็ดส์, นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

เอาใจคนรักการเที่ยวทางไกลบินลัดฟ้าข้ามไปครึ่งโลก เริ่มจากท่องโลกอเมริกาในรัฐนิวยอร์กกับอดิรอนแด็ดส์ (Adirondacks) เป็นพิกัดมีชื่อเสียงค่ะ เนื่องจากเป็นที่พักตากอากาศช่วงวันหยุดยาวชาวอเมริกัน ห่างไกลแสงสีหน่อย ๆ เหมาะจะชาร์จพลังกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย เช่น มีกิจกรรมปีนเขา หรือดินขึ้นภูเขาไวท์เฟส สัมผัสทะเลสาบ Miror ตั้งแคมป์ ตกปลา น่ามาเที่ยวช่วงวันฉลองแห่งชาติ หรือวันชาติสหรัฐอเมริกาจัดทุกปีในวันที่ 4 กรกฎาคม คุณจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่

2. อัลเบอร์ต้า, แคนาดา

เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวน่าไปด้วยความที่เป็นเมืองน่าอยู่ค่ะ กับรัฐอัลเบอร์ต้า (Alberta) ประเทศแคนาดา เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือติดกับสหรัฐอเมริกา ถามว่าทำไมต้องแนะนำรัฐนี้ อัลเบอร์ต้าเป็นศูนย์กลางการค้าและติดกับทะเล ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติ ไฮไลท์น่าไปเช่นอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เที่ยวดูทะเลสาบหลุยส์ในอุทยาน หรือออกเที่ยวสกีรีสอร์ท หรือจะเที่ยวห้างสรรพสินค้าก็ได้ตามความชอบเลยค่ะ

3.แคว้นอัลซาส, ฝรั่งเศส

บินตรงต่อฝรั่งเศสเมืองน้ำหอม คงต้องขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวนอกจากปารีสกันบ้างกับการออกเที่ยวหมู่บ้านแห่งเทพนิยายแคว้นอัลซาน (Alsace) ติดอยู่กับตะวันตกของประเทศเยอรมนี คู่ควรกับการพาคนรักมาที่นี่ เพราะเมืองสวยมาก ๆ เช่น เมือง Eguisheim ที่ขึ้นชื่อในการชิมไวน์ ศิลปะแบบอัลซานแท้ ตามด้วยเมือง Colmar ความผสมผสานวัฒนธรรมฝรั่งเศสเข้ากับเยอรมันลงตัวสุด ๆ มีลำธารตัดกลางเมืองเหมือนเวนิซด้วย คนที่ชอบถ่ายรูปแบบไม่เหมือนใครน่าจะชอบพิกัดนี้

4. เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์

เดินชิล ๆ เที่ยวสบาย ๆ ต้องฟินแลนด์!! แนะนำพิกัดเฮลซิงกิ (Helsinki) ความเรียบง่ายในเมืองหลวงแห่งนี้ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็นแบบรัสเซีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวคนรักงานศิลป์ต้องหลงใหลได้ปลื้ม เริ่มจากห้องสมุดกลางกรุงเฮลซิงกิที่มีความสะดวกทันสมัย และยังมีแกลลอรี่ Amos Rex หรือพิพิธภัณฑ์ Amos Anderson Art Museum แบบโมเดิร์นอาร์ท น่าเที่ยวเติมไอเดียครีเอทีฟสุดๆ

5. เบอร์ลิน, เยอรมนี

สวยงามผ่านทุกยุคทุกสมัยกับเบอร์ลิน (Berlin) แลนมาร์กที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทุกอนู สงครามโลก สงครามเย็นและก้าวสู่ความเป็นเมืองศิลปะ เมื่อปีที่แล้ว (2018) เบอร์ลินเพิ่งถูกยกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกของคนยุคใหม่วัย Gen Y ผู้ที่รักความอิสระและมีความคิดของตัวเอง ในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวต้องมาให้ได้ เช่น ประตูบรันเดินบวร์คจุดแบ่งเมืองที่คลาสสิกมาก ตามด้วยอาคารรัฐสภาไรชส์ทาคโดมกระจกเก่าแก่สไตล์นีโอเรอเนสซองส์ และมีสถานที่อีกเพียบรอให้เราสัมผัส

6. บริสเบน, ออสเตรเลีย

เที่ยวเมืองบริสเบน (Brisbane) ประเทศออสเตรเลียในรัฐควีนส์แลนด์ก็ดีต่อใจ เนื่องจากเป็นนครแห่งดนตรี เสียงเพลง งานแสดง นิทรรศการ และแกลอรี่ Gallery of Modern Art (GOMA) แสดงผลงานสลับสับเปลี่ยนตลอดเวลา ใครเป็นนักท่องเที่ยวสายอาร์ต คงต้องบอกว่า ฟินเกิ๊นแทบอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ให้ได้!

7. เคมบริดจ์, อังกฤษ

โลเคชันที่นักศึกษาหลายคนใฝ่ฝันอยากมาให้ได้กับเมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สถาบันเก่าแก่ในเกาะอังกฤษเลยค่ะ อยู่ห่างจากลอนดอลราว 80 กิโลเมตร ถามว่าทำไมแนะนำให้เที่ยวเคมบริดจ์ ? เราอยากให้คุณลองมาเดินสวนพฤกษศาสตร์ในมหาวิทยาลัย เดินเที่ยวมหาวิหารเซนต์แมรี่ และพิพิธภัณฑ์แห่งเคมบริดจ์ หรือพิพิธภัณฑ์ฟิทซ์วิลเลี่ยม (Fitzwilliam) แหล่งรวมผลงานชิ้นเอกของปรามาจารย์งานศิลป์ระดับโลก เช่น ปิกัสโซ ฯลฯ เรียกได้ว่า เป็นขุมทรัพย์แห่งงานศิลปะก็ว่าได้ค่ะ

8. ไคโร, อียิปต์

สัมผัสความลึกลับและมนต์เสน่ห์แห่งอียิปต์ในกรุงไคโร (Cairo) ศูนย์กลางแห่งอียิปต์อาณาจักรที่มีความรุ่งเรืองด้านการแพทย์ถึงขีดสุด ควรค่าแก่การมาเที่ยวแม่น้ำไนล์ ท่องโลกประวัติศาสตร์โบราณในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ แวะชมมัมมี่ที่สมบูรณ์แบบไม่เน่าเปื่อย ชมเครื่องมือในยุคต่าง ๆ ให้เราได้ศึกษาเรียนรู้ และหากต้องการเที่ยวอียิปต์ต้องขอวีซ่าก่อนนะคะ

9. เอทเยค, ฮังการี

ชมไร่องุ่นเอดเยค (Etyek) แห่งฮังการี หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของไร่องุ่นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของโลก อยู่ห่างจากบูดาเปสต์ 30 กิโลเมตร สัมผัสความเป็นชนบทที่มีกลิ่นอายของโรงบ่มไวน์ บ้านเมืองเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไฮไลท์น่ามาต้องยกให้งานเทศกาลในวันหยุดสุดสัปดาห์มักจะมีการจัดแสดงดนตรีสด กิจกรรมอื่น ๆ และงานอาหารเน้นไวน์ ชีส เห็นว่าปีนี้มีงานเทศกาลในช่วงวันที่ 19 มกราคม, 6-7 เมษายน, 1-2 มิถุนายน และ 7-8 กันยายน 2019

10. เกาะอิสเกีย, อิตาลี

ใครที่หลงใหลความเป็นอิตาเลียนแนะนำพิกัดเกาะอีสเกีย (Ischia) ประเทศอิตาลี เมืองที่ภูเขาไฟยังไม่ดับ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่แปลกตา อยู่ทางตอนเหนือสุดของอ่าวเนเปิลส์ เกาะรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ขนาดของเกาะอิสเกียมีระยะทางทิศเหนือจรดใต้ประมาณ 34 กิโลเมตร เราสามารถเดินทางทั่วเกาะได้ภายในไม่กี่วัน นักท่องเที่ยวบางคนก็เดิน ควรมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ค่ะ พร้อมกับรับประทานดินเนอร์ ล่องเรือกับคนรัก หรือจะเข้าสปาพักผ่อนดูแลร่างกายก็ฟินอีกแบบจ้ะ

11. เกาะมาเดรา, โปรตุเกส

เอาใจคนรักทะเล คลื่นลม และชอบล่องเรือกับการเที่ยวเกาะมาเดรา (Madeira) ประเทศโปรตุเกส สถานที่ท่องเที่ยวมีทะเลล้อมรอบ บางท่านเรียกว่า เกาะแห่งดอกไม้ หรือ Island of Flowers ด้วยความที่ฤดูร้อนมีดอกไม้เต็มไปหมด ต้องมาขึ้นยอดเขา Pico Ruivo ชมทิวทัศน์ มีกิจกรรมปีนเขา ปั่นจักรยานเสือภูเขานักเที่ยวสายแอดแวนเจอร์ต้องชอบ!

12. นครวัด นครธม เสียมเรียบ กัมพูชา

หากคุณกำลังคิดว่า “พิกัดเที่ยวไหนดีที่เราเล่ามาข้างต้น ในแต่ละแห่งช่างไกลแสนไกลเหลือเกิน แถมต้องวางงบประมาณค่อนข้างสูง” เอาเป็นว่า กัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็น่าเที่ยวค่ะ ด้วยข้อดีคือเดินทางสะดวก ใกล้ไทย ไม่ต้องเดินทางนาน ๆ อย่างล่าสุด เราได้บอกเล่าเรื่องราวเสน่ห์แห่งวิถีโตนเลสาบที่จะทำให้คุณ (หลง) รักกัมพูชากันแล้ว กัมพูชายังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายรอคุณอยู่ เช่น ชมปราสาทนครวัด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปราสาทบายนตร ปราสาทแห่งรอยยิ้ม ชมปราสาทตาพรหม และชมความสวยงามของ ปราสาทบันทายศรี เอาเป็นว่า ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้พิกัดอื่น ๆ เลย

และที่เล่าข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างนะคะ หากสนใจพิกัดไหนหรือต้องการศึกษาก่อนออกเที่ยวต่างประเทศ ลองอ่านบทความคุณภาพกับชิล สแควร์ ทราเวลได้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูล : travelandleisure.com