• อยู่คนเดียว.. มันเปรี้ยวปาก How to "กินโซจู" ชิล ๆ สไตล์เกาหลี
• เปิดคัมภีร์อาหารเกาหลี แจกสูตร 7 เมนูเด็ด!! จากเรื่อง Itaewon Class

โคชูจัง คือ ซอสพริกจากเกาหลี มีส่วนผสมของ พริกสีแดงสด ถั่วเหลืองหมักเกลือ ซอสถั่วเหลือง และข้าวเหนียวนึ่ง ที่นำส่วนผสมทุกอย่างมาตำให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกให้เขาเป็นเนื้อเดียวกันจะกลายเป็นสีแดงคล้ำอย่างชัดเจน โคชูจังใช้รับประทานคู่กับข้าวสวย หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูต้มซุปหรือผัด เพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้น

1. อุด้งผัดกิมจิ

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะไฟปานกลาง จากนั้นนำใส่เนยจืด 2 ก้อน ใส่ลงไปในกระทะ ใส่โคชูจังตามด้วยกิมจิสับละเอียดผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำกิมจิและน้ำซุปไก่ตามลงปรุงรสด้วยเกลือ แล้วเคี่ยวจนกว่าจะเข้ากันประมาณ 3 นาที
2. นำเส้นอุด้งใส่ลงไปในกระทะ ตามด้วยเนยจืดที่เหลือ ผัดให้เข้ากันประมาณ 2 นาที แล้วปิดไฟ
3. นำอุด้งจัดใส่จาน ตามด้วยไข่แดง โรยหน้าด้วยต้นหอมญี่ปุ่นซอย และงาคั่ว พร้อมรับประทาน

2. ข้าวหน้าไก่อบกรอบราดซอสครีมโคชูจัง

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เตรียมเตาอบ นำตะแกรงใส่ไว้ในเตาอบ ตั้งอุณหภูมิที่ 450 ° จากนั้นเตรียมซอสครีมโคชูจัง นำมายองเนส, บัตเตอร์มิลค์, โคชูจัง, น้ำส้มสายชู, ขิง, ผงหัวหอมป่น, กระเทียม และเกลือ ½ ช้อนโต๊ะ มาปั่นรวมกันให้ละเอียด แล้วเทพักใส่ไว้ถ้วย ชิมและปรุงรสด้วยเกลือตามชอบจนได้รสชาติที่ถูกใจ นำซอสครีมโคชูจังที่ปรุงไว้แบ่งใส่ชามขนาดกลางปริมาณ ½ ถ้วย กะหล่ำม่วงลงไปปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย คลุกเคล้าให้เข้ากัน และพักไว้จนกว่าจะพร้อมเสิร์ฟ
2. นำกระทะตั้งเตาด้วยความร้อนระดับกลาง-สูง ใส่เนยลงไปในกระทะ เมื่อเนยเริ่มแตกฟอง ใส่เกล็ดขนมปัง, งาขาว และเกลือ ¼ ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากัน ประมาณ 5-7 นาที จนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลทอง จากนั้นดับไฟปล่อยให้เย็นในกระทะ
3. จากนั้นนำไข่, น้ำผึ้ง, ซอสครีมโคชูจังที่แบ่งไว้ ¼ ถ้วย และเกลือ 1½ ช้อนชา มาปั่นให้ละเอียดแล้วจัดใส่ไว้ในชาม นำไก่ใส่ลงไปในส่วนผสมที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากัน นำไก่ขึ้นมาแล้วนำไปคลุกกับเกล็ดขนมปังที่เตรียมไว้ (ข้อ 2.) แล้วนำไปวางไว้บนตะแกรงเตาอบ เว้นระยะห่างที่เท่ากัน
4. ใช้มีดปลายแหลมจิ้มที่เนื้อไก่ อบไก่จนสุก ประมาณ 15-20 นาที สีของเกล็ดขนมปังจะเข้มเล็กน้อย จากนั้นนำออกจากเตาพักไว้ให้ไก่เย็นลงประมาณ 10 นาที แล้วนำมาสับเป็นชิ้น
5. นำไก่อบกรอบ, สลัดหัวกะหล่ำ และข้าวสวยจัดใส่จาน โรยด้วยต้นหอมญี่ปุ่น, อโวคาโด, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และมะนาว ราดด้วยซอสครีมโคชูจัง เป็นอันเสร็จสิ้น

3. ข้าวหน้าหมูบุลโกกิ

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. นำเนื้อสันในหมูไปแช่แข็ง ประมาณ 30-45 นาที
2. จากนั้นนำพริกขี้หนู, น้ำตาลทราย, ขิง, กระเทียม, ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันงา 2 ช้อนชา 
3. ต่อมานำเนื้อหมูสันในที่แช่แข็งมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วใส่ในถุงพลาสติกคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นหมักทิ้งไว้ อย่างน้อย 10 นาที จนถึง 2 ชั่วโมง
4. นำกระทะตั้งเตาเปิดไฟระดับกลาง-สูง แล้วใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ ลงในกระทะ เมื่อน้ำมันร้อนจัด ค่อย ๆ นำหมูที่หมักไว้ใส่ลงไปในกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ทอดไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 นาที จนหมูมีสีน้ำตาลเข้ม จากนั้นตักใส่จานที่เตรียมไว้ 
5. ทำความสะอาดกระทะ แล้วตั้งเตาใหม่อีกครั้งด้วยไฟระดับกลาง-สูง ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ นำแครอทที่เตรียมไว้นำลงไปผัดในกระทะ ประมาณ 2 นาที จนเริ่มนิ่ม และใส่กระหล่ำปลีเพิ่มลงไปในกระทะผัดจนนิ่มประมาณ 2 นาที
6. เพิ่มแครอทและปรุงอาหารในชั้นเดียวไม่ถูกรบกวนจนเริ่มนิ่มและสีน้ำตาลภายใต้ประมาณ 2 นาที เพิ่มกระหล่ำปลีและโยนให้เหี่ยว ทำอาหารโยนเป็นครั้งคราวจนกว่าผักจะนิ่มกรอบประมาณ 2 นาที
7. นำน้ำส้มสายชู, ซอสถั่วเหลือง ¼ ช้อนโต๊ะ และน้ำมันงา มาผสมรวมกันในถ้วยสำหรับจิ้ม
8. จากนั้นจัดข้าวเปล่า, หมูทอด, แครอท และกระหล่ำปลี มาจัดใส่จาน โรยหน้าด้วย ต้นหอมซอย และโคชูจัง 1 ช้อน เป็นอันเสร็จสิ้นพร้อมเสิร์ฟ

4. ซี่โครงหมูย่างซอสบาร์บีคิวโคชูจัง

ส่วนผสม

* อโดโบ คือ ซอสหมักที่มีส่วนผสมของ ซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู กระเทียม พริกไทยป่น พริกไทยเม็ด เกลือ ใบกระวาน

วิธีทำ

1. เตรียมเตาอบ นำตะแกรงใส่ไว้ในเตาอบ ตั้งอุณหภูมิที่ 350 ° จากนั้นเตรียมซอส นำน้ำส้มสาย, น้ำตาลทรายแดง, โคชูจัง และซอสอโดโบ มาใส่รวมกันในถ้วยและละลายน้ำตาล จากนั้นเทออกครึ่งหนึ่งแยกใส่ไว้ในชามเล็กและพักทิ้งไว้
2. นำเครื่องปรุงรสเกลือ และพริกไทย มาทาบนซี่โครงหมูให้ทั่ว จากนั้นนำกระดาษฟอยล์มาห่อซี่โครงหมูซ้อนกัน 2 ชั้น นำขึ้นตั้งบนตะแกรงที่เตรียมไว้ อบจนเนื้อนุ่ม ประมาาณ 2.30-3 ชั่วโมง จากนั้นนำออกจากเตาแล้วพักไว้ให้เย็น
3. เตรียมเตาย่างด้วยความร้อนระดับกลาง-สูง นำซี่โครงหมูที่พักไว้ว่างย่างต่อ คอยกลับด้านไปมาเมื่อซี่โครงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีออกน้ำตาล นำซอสที่เหลืออยู่มาทาลงบนซี่โครงจนซี่โครง 2 รอบ หนา ๆ ย่างประมาณ 8-10 นาที จนดูไหม้เกรียม นำซี่โครงไปวางบนเขียงและหั่นเป็นชิ้น ๆ พร้อมเสิร์ฟคู่กับซอสที่เหลืออีกครึ่งพร้อมรับประทาน

5. ซุปเต้าหู้มิโซะกิมจิสูตรเข้มข้น

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เทน้ำเปล่าใส่ลงไปในหม้อ 4 ถ้วย ตามด้วยสาหร่ายทะเลคอมบุลงไป ปล่อยทิ้งไว้จนสาหร่ายอ่อนตัวลง นำไปเคี่ยวด้วยไฟปานกลาง เมื่อน้ำเริ่มเดือดนำหม้อลงจากเตาทันที จากนั้นใส่เกล็ดปลาโบนิโตอบแห้งลงไปในหม้อ แล้วเปิดไฟอ่อน เคี่ยวประมาณ 5 นาที จากนั้นปิดไฟและทิ้งไว้ 15 นาที
2. ในขณะเดียวกัน นำไข่ลงไปต้มในหม้อด้วยไฟขนาดกลางประมาณ 6 นาที จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเย็น ประมาณ 2 นาที นำไปปอกเปลือกและพักไว้
3. กรองน้ำซุปใส่กระชอน นำสาหร่ายทะเลคอมบุและกล็ดปลาโบนิโตใส่ไว้ในถ้วย จากนั้นนำน้ำซุปที่กรองออกมาแล้วเทใส่ในหม้อ ใส่กิมจิ และเต้าหู้ลงไป เคี่ยวต่อให้นุ่มจากนั้นปิดไฟ ใส่มิโซะและโคชูจังลงไปในหม้อและคนจนให้ละลายเข้ากัน
4. ตักซุปใส่ในชาม โรยหน้าด้วยเมล็ดงาและน้ำมันงา ผ่าไข่ที่ต้มไว้ครึ่งนึงแล้วจัดใส่ไว้บนชาม เป็นอันเสร็จสิ้น

6. ข้าวพองหน้าไก่ตุ๋นโคชูจัง

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เตรียมซอสราด โดยการนำหัวหอม, กระเทียม, ขิง, โคชูจัง, ซอสถั่วเหลือง, น้ำตาล, เหล้ามิริน, น้ำมันงา, และพริกไทย มาใส่ถ้วยแล้วผสมเข้าด้วยกัน
2. นำข้าว, ผงยี่หร่า ผงผงกระเทียม และผงมัสตาร์ด ใส่ลงไปในชามผสมให้เข้ากัน แล้วเทลงไปบนแผ่นกระดาษรองอบ รอจนกว่าจะเย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
3. ในขณะเดียวกัน นำไก่มาปรุงรสด้วยเกลือ จากนั้นนำหม้อตั้งเตาใช้ไฟปานกลางใส่เนยและน้ำมันพืชลงไป ทันทีที่เนยละลายแล้วให้นำไก่ใส่ลงไปในหม้อและปรุงอาหาร คนเป็นครั้งคราว ประมาณ 5 นาที จนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลอ่อน นำซอสราดที่เตรียมไว้ผสมลงไปในหม้อและเคี่ยวต่อ ประมาณ 3 นาที จนซอสดูบางลง เพิ่มน้ำซุปและเติมน้ำลงไป จากนั้นลดไฟ ปิดฝาหม้อ และเคี่ยวต่อ ประมาณ 45-55 นาที จนกว่าได่จะนุ่ม
4. แบ่งข้าวออกเป็น 4 ส่วน แล้วปั้นให้หนา (ใช้มือชุบน้ำเล็กน้อยน้ำเพื่อไม่ให้ข้าวติดมือ) จากนั้นตั้งกระทะ นำข้าวลงไปทอด ประมาณ 10 นาที จนกระทั่งข้าว พอง กรอบ และมีสีเหลืองทอง แล้วนำขึ้นมาพักไว้บนจาน ประมาณ 10 นาที
5. ขณะที่กำลังตุ๋นไก่ ให้นำหัวหอมใส่ลงไปในหม้อ รอประมาณ 3 นาที จนหัวหอมนิ่ม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ตักเสิร์ฟบนข้าวพอง เป็นอันเสร็จสิ้น

7. ข้าวยำสเต็กเนื้อย่าง

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. นำลูกแพร์, ขิง, กระเทียม และน้ำตาลทรายแดงไปปั่นจนเนื้อละเอียดเข้ากัน จากนั้นนำสเต็กใส่ไว้ในถุงพลาสติกแบบซิปล็อคหรือชามขนาดกลาง นำส่วนผสมที่ปั่นไว้ทาบนเนื้อสเต็กหมักทิ้งไว้ 4-12 ชั่วโมง
2. นำข้าวขาวใส่ลงไปในชามแล้วล้างน้ำ ซาวข้าวด้วยมือจนน้ำขุ่นและเทน้ำทิ้ง ทำซ้ำ ประมาณ 6-8 ครั้ง จนกระทั่งน้ำใส
3. นำข้าวขาว, ข้าวกล้อง, ข้าวฟ่าง, เกลือ และน้ำ 3 ถ้วย เทรวมกันในกระทะและนำไปต้ม จากนั้นลดความร้อนและเคี่ยวจนข้าวนุ่ม ประมาณ 20-25 นาที แล้วใช้ไฟแรงจนน้ำระเหยออกหมด ประมาณ 1 นาที นำออกจากเตาพักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ข้าวแห้งเล็กน้อย
4. นำโคชูจัง, น้ำมะนาว, เหล้ามิริน, งา, น้ำตาล, น้ำมัน, น้ำส้มสายชู และซีอิ๊วขาว ผสมลงในชามให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสด้วยเกลือหากต้องการ
5. เตรียมเตาย่าง ใช้อุณหภูมิความร้อนระดับปานกลาง-สูง ทาน้ำมันบนตะแกรงบาง ๆ จากนั้นนำหัวหอมมาย่าง ประมาณ 30-40 นาที คอยกลับไปมาจนนุ่ม นำออกจากเตาทิ้งไว้ให้เย็นลงเล็กน้อย จากนั้นหั่นหัวหอมเป็นชิ้น แล้วใส่ลงไปในชามที่มีน้ำส้มสายชู ปรุงรสด้วยเกลือ
6. นำหัวผักกาดมาย่างต่อ คอยกลับไปมาจนเกรียมเล็กน้อย ประมาณ 2 นาที แล้วตักใส่จาน
7. นำสเต็กที่หมักไว้มาปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือเล็กน้อย แล้วนำไปย่างใช้ไฟปานกลาง คอยกลับไปมา ประมาณ 8-10 นาที จนกรอบ จากนั้นพักทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนนำไปหั่นชิ้น
8. ในขณะเดียวกันนั้นนำชามดินเผาไปเผาด้วยความร้อนในระดับสูง ทดสอบสอบโดยการหยดน้ำใส่ให้ดังฉ่าเป็นอันใช้ได้ ระยะเวลาในการเผานั้นขึ้นอยู่กับชาม และระดับความร้อนตามที่คุณต้องการ
9. นำข้าวใส่ลงไปในชามดินเผาแบ่งเท่า ๆ กัน เผาไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นลดความร้อน
10. จากนั้นนำหัวหอม, ผักกาดขาว, บรอกโคลี และสเต็กที่หั่นไว้แล้วจัดใส่ชามดินเผาเท่า ๆ กันทุกด้าน เทน้ำมันพืชลงในกระทะแล้วตอกไข่ใส่ลงไปทำเป็นไข่ดาว เมื่อทอดเสร็จแล้วนำมาวางไว้ตรงกลางชามดินเผา
11. ใส่น้ำมันงาไว้ที่ด้านในขอบ ๆ ชามดินเผาเพื่อไม่ให้ข้าวติดชาม เสร็จแล้วเสิร์ฟพร้อมซอสโคชูจังที่เตรียมไว้

8. ซุปเต้าหู้อ่อนกิมจิ

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. นำกระทะตั้งเตาเทน้ำมันใส่ในกระทะ ใช้ความร้อนระดับปานกลาง นำหัวหอม, กระเทียม และขิงไปผัดประมาณ 3 นาที จนมีกลิ่นหอม จากนั้นเพิ่มน้ำซุปลงไป ปรุงรสด้วยโคชูจังและซอสถั่วเหลือง และใส่หัวไชเท้า เคี่ยวเบา ๆ จนกว่าหัวไชเท้าจะนิ่ม ประมาณ 15-20 นาที
2. นำกิมจิและเต้าหู้ใส่ลงไปต้มต่อสักครู่ โรยด้วยหัวหอมที่หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ พร้อมเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ

9. ฟักทองน้ำเต้าย่างโคชูจังโรยงา

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เตรียมเตาอบตั้งอุณหภูมิที่ 425° จากนั้นนำงา, น้ำมัน, โคชูจัง และซอสถั่วเหลือง ใส่ลงไปในชามผสมให้เข้ากัน นำฟักทองน้ำเต้าที่เตรียมไว้ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำไปจัดเรียงไว้บนบนแผ่นรองอบ แล้วนำไปย่างในเตาอบ ประมาณ 25-30 นาที จนกระทั่งฟักทองนุ่ม เสร็จแล้วโรยด้วยเกลือและหอมซอย พร้อมเสิร์ฟ

10. สเต็กเนื้อหมักย่างซอสโคชูจัง

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. ผสมโคชูจัง, น้ำมันมะกอก และน้ำส้มสายชู เข้าด้วยกัน จากนั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกแบบซิปล็อค หั่นครึ่งหอมแดงให้เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนำไปขูดโรยใส่เนื้อสเต็กให้ทั่วตามด้วยเกลือเล็กน้อย จากนั้นนำเนื้อสเต็กใส่เข้าไปในถุงพลาสติกคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 12 ชั่วโมง
2. นำหอมส่วนที่เหลือมาซอยบาง ๆ ½ ถ้วย ผสมด้วยน้ำส้มสายชูและเกลือเล็กน้อยเข้าด้วยกัน พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง จนหัวหอมเริ่มนิ่มและเทน้ำออก
3. ขั้นตอนการย่าง ทาน้ำมันบนตะแกรงบาง ๆ นำเนื้อสเต็กที่หมักไว้ออกมาย่างด้วยไฟระดับกลาง คอยกลับไปมา ประมาณ 4-6 นาที จนกระทั่งเนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบ (ขึ้นอยู่กับความหนาของเนื้อ) นำไปพักไว้ให้เย็น ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เสิร์ฟพร้อมกับแผ่นแป้งตอร์ติญ่า และหอมดอง

11. สลัดสเต็กเนื้อกับน้ำสลัดชิลี

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เตรียมส่วนผสมน้ำสลัด นำกระเทียม, น้ำส้มสายชู, เหล้ามิริน, โคชูจัง และซอสถั่วเหลืองใส่ลงไปในชาม เหยาะน้ำมัน ½ ถ้วย ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามลงไป
2. นำเนื้อสเต็กมาปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จากนั้นนำน้ำสลัดที่เตรียมไว้แบ่งออกครึ่งหนึ่ง ใส่ไว้ในถุงพลาสติกแบบซิปล็อค หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
3. แบ่งถั่วลันเตาหวานออกมาเล็กน้อยแล้วซอยบาง ๆ แล้วพักไว้ จากนั้นนำหม้อตั้งเตาเทน้ำลงไปในหม้อโรยเกลือเล็กน้อยจนเดือด นำถั่วลันเตาหวานลงไปต้มในน้ำเกลือ ประมาณ 2 นาที เทใส่ในน้ำเย็น ประมาณ 4 นาที จะทำให้กรอบนุ่ม แล้วนำไปหั่นครึ่ง
4. ขั้นตอนการย่าง ทาน้ำมันบนตะแกรงบาง ๆ นำเนื้อสเต็กที่หมักไว้ออกมาย่างด้วยไฟระดับกลาง คอยกลับไปมา ประมาณ 8-10 นาที จนกระทั่งเนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบ จากนั้นนำไปพักไว้ให้เย็น ประมาณ 10 นาที แล้วนำมาสไลด์เป็นชิ้นบาง ๆ
5. น้ำกระทะตั้งเตาใส่น้ำมันลงไปในกระทะ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำถั่วลิสงดิบลงไปทอด ประมาณ 3 นาที จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง แล้วนำขึ้นไปพักไว้ในชามแล้วใส่พริกป่นเกาหลี และเกลือลงไป จากนั้นพักไว้ให้เย็น นำถั่วลิสงใส่ไว้ในถุงพลาสติกแบบซิปล็อค แล้วบดขยี้หยาบ ๆ
6. จัดผักกาดหอมบนจาน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ใส่สเต็กเนื้อ, ถั่วลันเตา, แตงกวา และหัวไชเท้าลงไปในจาน ราดด้วยน้ำสลัดส่วนที่เหลือ โรยหน้าด้วยถั่วลิสงและหอมซอย

12. เมี่ยงหมูอบจิ้มซอสโคชูจัง

ส่วนผสม

วิธีทำ

1. นำเนื้อหมูมาบั้งแนวทแยงไคว่กัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย โรยด้วยน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกแบบซิปล็อค หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
2. เตรียมเตาอบตั้งอุณหภูมิที่ 400° นำหมูที่หมักไว้จัดลงไปในจาน ใส่พริกแห้ง, ดอกโป๊ยกั๊ก, ซอสถั่วเหลือง และน้ำตาลทรายแดงที่เหลืออีก 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำลงไป 1¼ ถ้วย จากนั้นนำไปอบในเตา ประมาณ 2-2½ ชั่วโมง อบจนเนื้อหมูกรอบ นุ่ม และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
3. ระหว่างนั้นนำแตงกวา, หัวหอม, พริกแดง และน้ำส้มสายชู ผสมลงในถ้วยเล็ก และผสมโกชูจังกับมิโซะในถ้วยอีกใบหนึ่ง
4. เมื่ออบเสร็จแล้วนำหมูออกมาพักไว้ 10 นาที ให้ไขมันส่วนเกินออกมา
5. นำหมูมาหั่นแล้วจัดใส่จาน ราดด้วยน้ำจากหมูที่พักไว้ เสิร์ฟพร้อมผักกาดคอสสำหรับห่อแตงกวา, สะระแหน่, กิมจิ และซอสโคชูจัง

13. เทเทอร์ท็อตส์จิ้มสไปซีมายองเนส

ส่วนผสม

* อโดโบ คือ ซอสหมักที่มีส่วนผสมของ ซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู กระเทียม พริกไทยป่น พริกไทยเม็ด เกลือ ใบกระวาน

วิธีทำ

1. นำมายองเนส, ซอสอะโดโบ, โคชูจัง และผงพริกปาปริก้า มาผสมเข้าด้วยกันปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
2. เตรียมเตาอบตั้งอุณหภูมิที่ 400° แทงมันฝรั่งด้วยส้อมแล้วนำไปอบบนเตาอบจนนิ่ม ประมาณ 60-75 นาที นำออกจากเตาพักทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำมันฝรั่งมาหั่นครึ่งและตักเนื้อลงในชามกลางแล้วบดให้ละเอียด จากนั้นนำหัวหอม, เกล็ดขนมปัง, ครีม, เฮฟวี่ครีม, เนย, กระเทียมเม็ด, พริกไทย, เกลือ 2 ช้อนชา, พามิซาน ชีส 2 ช้อนโต๊ะ และไข่ไก่ ลงไปผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ
4. นำกระทะตั้งบนเตาเทน้ำมันลงไปใช้ไฟปานกลางจนเริ่มเดือด นำมันฝรั่งที่ปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วลงไปทอดในกระทะ ประมาณ 3 นาที จนเป็นสีน้ำตาลทอง น้ำขึ้นจากกระทะพักทิ้งไว้ให้น้ำมันออกจนหมด ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมซอสมายองเนสรสเผ็ด

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับ 13 เมนูเด็ด!! จาก "โคชูจัง" สุดยอดแห่งซอสจากเกาหลี! ที่น้องชิลได้คัดสรรมาฝากให้กับทุก ๆ ท่าน บอกเลยว่าน่าทานทุกเมนู บางคนอยากเพิ่มทักษะด้านอื่น ๆ ให้กับตัวเอง ลองใช้ช่วงเวลานี้ศึกษาข้อมูล หรือถ้าพอมีอุปกรณ์อยู่ในบ้านอยู่แล้ว แบบที่ไม่ต้องเดินทางออกไปซื้อข้างนอก ก็ลองหัดทำเลยก็ได้ เผื่อว่าหลังวิกฤตโควิดผ่านพ้นไปแล้ว เราจะได้ทักษะใหม่ ๆ เพิ่มติดตัวกันนะคะ